โพสต์เมื่อ 13 ก.ค. 2020
ที่ตั้ง : บ้านหัวดง ต.เปือย อ.ลืออำนาจ
ตำบล : เปือย
อำเภอ : ลืออำนาจ
จังหวัด : อำนาจเจริญ
พิกัด DD : 15.682067 N, 104.689754 E
เขตลุ่มน้ำหลัก : ลำเซบก
เขตลุ่มน้ำรอง : ลำค้อ
จากตัวจังหวัดอำนาจเจริญ (บริเวณสี่แยกกลางเมือง) ใช้ถนนอำนาจเจริญ-อุบลราชธานี (ทางหลวงหมายเลข 212) ระยะทางประมาณ 20.1 กิโลเมตร พบสี่แยก ให้เลี้ยวซ้ายใช้ทางหลวงหมายเลข 2134 มุ่งหน้าบ้านหัวดง ประมาณ 2.7 กิโลเมตร ถึงบ้านหัวดง
พระพุทธรูปและเสมาที่พบบนเนินดินนับโบราณปูชนียวัตถุที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก กลุ่มเสมาทั้งสามกลุ่ม คือ กลุ่มใบเสมาในเขตวัดโพธิ์ศิลาราม กลุ่มใบเสมาที่วัดป่าเรไรและภายในโรงเรียนชุมชนเปือยหัวดง เปิดให้ผู้ที่สนใจเข้าเยี่ยมชมได้ทุกวัน โดยไม่เสียค่าเข้าชม อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีป้ายบรรยายให้ข้อมูลโบราณวัตถุเหล่านี้
กรมศิลปากร, โรงเรียนชุมชนเปือยหัวดง, วัดป่าเรไร, วัดโพธิ์ศิลา
-กลุ่มใบเสมาในเขตวัดโพธิ์ศิลาราม ขึ้นทะเบียนและกำหนดเขตที่ดินโบราณสถาน ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 119 ตอนพิเศษ 131 ง ลงวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ.2545 เนื้อที่โบราณสถาน 6 ไร่ 1 งาน
-กลุ่มใบเสมาที่วัดป่าเรไรและภายในโรงเรียนชุมชนเปือยหัวดง ยังไม่ได้ประกาศขึ้นทะเบียน
สภาพภูมิประเทศของจังหวัดอำนาจเจริญโดยทั่วไปเป็นที่ลุ่มมีเนินเขาเตี้ยๆ ทอดยาวไปจรดจังหวัดอุบลราชธานีที่อำเภอชานุมาน สภาพดินโดยทั่วไปเป็นดินร่วนปนทรายและดินลูกรังบางส่วน มีแม่น้ำโขงเป็นแนวเขตกั้นจังหวัดอำนาจเจริญกับประเทศลาวที่อำเภอชานุมาน มีลำน้ำใหญ่ๆ ไหลผ่านหลายสาย
สภาพทั่วไปอำเภอลืออำนาจเป็นแบบลูกคลื่นลอนลาดเล็กน้อย ถึงค่อนข้างราบ ทอดตัวตอนเหนือ เขตตำบลดงมะยาง ลงสู่ทางตอนใต้เขตตำบลอำนาจ จดลำเซบก มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 140 เมตรและ 130 เมตร ตามลำดับ แหล่งน้ำตามธรรมชาติที่สำคัญ ได้แก่ ห้วยแก ห้วยอีหนั่ง ห้วยดูน ห้วยสิ ห้วยจันลันและห้วยสีโท มีการทำนาในที่ราบ และการเพาะปลูกพืชไร่บนที่ดิน
บ้านหัวดงตั้งอยู่บนเนินดินเนินหนึ่งท่ามกลางเนินดินหลายเนินในพื้นที่ พื้นที่โดยรอบมีระดับต่ำกว่า ปัจจุบันเป็นพื้นที่เกษตรกรรมทำนา เนินดินยาวประมาณ 2.7 กิโลเมตร กว้างประมาณ 800 เมตร วางตัวแนวยาวไปตามทิศตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้
ห่างออกไปด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 350 เมตร และด้านทิศตะวันตกประมาณ 750 เมตร มีลำน้ำเก่าสายหนึ่งซึ่งเป็นลำน้ำสาขาของลำค้อและลำเซบกไหลผ่าน โดยลำค้อไหลอยู่ห่างจากเนินดินไปทางทิศตะวันตกประมาณ 2.1 กิโลเมตร ในขณะที่ด้านทิศตะวันออกของเนินดิน ห่างออกไปประมาณ 1 กิโลเมตร มีลำน้ำสาขาของลำเซบกไหลผ่าน ส่วนลำเซบก (เป็นที่แบ่งเขตจังหวัดอำนาจเจริญและอุบลราชธานี) ไหลอยู่ห่างออกไปทางทิศใต้ของเนินดินประมาณ 900 เมตร
ปัจจุบันบนเนินดินเป็นที่ตั้งของชุมชนบ้านหัวดง มีบ้านเรือนราษฎรรวมถึงสถานที่ของราชการและเอกชนตั้งอยู่อย่างหนาแน่น พบหลักฐานทางโบราณคดีเป็นกลุ่มใบเสมาจำนวน 3 กลุ่มคือ 1.กลุ่มใบเสมาในเขตวัดโพธิ์ศิลา 2.กลุ่มใบเสมาบริเวณวัดป่าเรไร 3.กลุ่มใบเสมาหลังโรงเรียนชุมชนเปือยหัวดง
ลำเซบก, ลำค้อ
ลักษณะดินในเขตอำเภอลืออำนาจ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
ประเภทที่ 1 ดินในสภาพพื้นที่ราบเกือบราบ เป็นดินลึก มีการระบายน้ำไม่ดี ดินเนื้อปานกลางหรือค่อนข้างเป็นทราย มีความอุดมสมบูรณ์ปานกลาง หรือค่อนข้างต่ำ เหมาะสำหรับการปลูกข้าว ในฤดูฝนสามารถปลูกพืชไร่ต่าง ๆ แต่ต้องมีการปรับปรุงดิน และใส่ปุ๋ยในอัตราที่เหมาะสม ตลอดทั้งต้องคัดเลือกพันธุ์ที่เหมาะสมมาปลูกแต่อาจประสบภาวะแห้งแล้งในช่วงฝนแล้ง ดินประเภทนี้พบในพื้นที่ทางตอนใต้ของอำเภอ
ประเภทที่ 2 ดินบริเวณที่ลาดชันเล็กน้อยถึงชันมาก เป็นดินลึกมีการระบายน้ำได้ปานกลาง เนื้อดินปานกลางหรือค่อนข้างมีเม็ดทราย มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำมีความเหมาะสมในการปลูกพืชอย่างถาวร เช่น พืชไร่หรือ ผลไม้ต่าง ๆ แต่ต้องมีการอนุรักษ์ดินที่ดี และปรับปรุงดินโดยการใส่ปุ๋ยในอัตราที่เหมาะสม ดินประเภทนี้อยู่ในตอนกลางถึงตอนเหนือของอำเภอ
ส่วนธรณีสัณฐานเป็นหินโคลนในหมวดหินภูทอก กลุ่มหินโคราช
ชื่อผู้ศึกษา : ชินณวุฒิ วิลยาลัย, กรมศิลปากร
ปีที่ศึกษา : พ.ศ.2552
วิธีศึกษา : ประวัติศาสตร์ศิลปะ, ประวัติศาสตร์
องค์กรร่วม / แหล่งทุน : กรมศิลปากร
ผลการศึกษา :
ชินณวุฒิ วิลยาลัย สำนักศิลปากรที่ 9 ขอนแก่น สำนักศิลปากรที่ 10 ร้อยเอ็ด สำนักศิลปากรที่ 11 อุบลราชธานี และสำนักศิลปากรที่ 12 นครราชสีมา เผยแพร่หนังสือ “องค์ความรู้เรื่องใบเสมาอิสาน” รวมถึงเสมาที่พบที่เปือยหัวดงด้วยแหล่งโบราณคดีบ้านเปือยหัวดง อยู่ในตำบลเปือย อำเภอลืออำนาจ เป็นแหล่งโบราณคดีที่สำคัญมากที่สุด แห่งหนึ่งของจังหวัด มีการสร้างใบเสมาบริเวณใกล้เคียงถึงสามแห่งด้วยกัน คือ
1.กลุ่มใบเสมาในเขตวัดโพธิ์ศิลา บ้านเปือยหัวดง ภายในวัดปัจจุบันมีการลาดและเทพื้นด้วยปูนซีเมนต์ และมีเนินดินขนาดไม่ใหญ่นัก มีกลุ่มใบเสมาหินทรายสมัยทวารวดีในภาคอีสาน ปักอยู่บนเนินดิน โดยปักเรียงกันเป็นแถวอย่างมีระเบียบ ส่วนใหญ่เป็นชิ้นส่วนที่แตกหักชำรุด มีสภาพที่สมบูรณ์อยู่เพียง 2 ใบ สลักลวดลายกลีบบัวที่ฐาน ส่วนใบสลักลายสถูปจำลองหรือหม้อน้ำ (ปูรณฆฏะ) อันเป็นสัญลักษณ์ของความเจริญ พบมากในศิลปะอินเดียแบบอมราวดี และคล้ายคลึงกับลวดลายสลักบนเสากลม ที่ประดับกรอบประตูสมัยก่อนเมืองพระนคร มีอายุอยู่ประมาณพุทธศตวรรษที่ 12-13 ลักษณะเดียวกับที่พบที่วัดดงเฒ่าเก่าบ้านนาหมอม้า ต.นาหมอม้า อ.เมือง จ.อำนาจเจริญและเมืองงิ้ว บ้านชาด ต.เค็งใหญ่ อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ
อีกใบหนึ่งสลักลายดอกไม้ในวงกลม (ธรรมจักร?) ปัจจุบันเสมาทั้ง 2 ใบจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอุบลราชธานี นอกจากนี้ ยังมีการขุดพบหม้อดินเผาขนาดใหญ่ลายเชือกทาบ ภายในหม้อบรรจุพระพุทธรูปประทับนั่ง ขนาดเล็กบุเงิน เป็นจำนวนมาก
2.กลุ่มใบเสมาบริเวณวัดป่าเรไร อยู่ที่บ้านเปือยหัวดง นับเป็นกลุ่มใบเสมาที่มีความหนาแน่น แห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นกลุ่มใบเสมามีทั้งแบบที่ทำด้วยศิลาแลงและหินทราย ใบเสมาที่ทำด้วยหินทรายลักษณะเป็นแผ่นหิน มีการสลักฐานเป็นรูปบัวคว่ำบัวหงาย นอกจากนี้ยังพบใบที่มีลักษณะพิเศษคือ ส่วนกลางของใบเสมาแกะสลักเป็นรูปหม้อน้ำรองรับปลียอดสถูป ด้านบนแกะสลักเป็นรูปนกแก้ว 2 ตัวเกาะอยู่ ปัจจุบันเสมาใบนี้จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอุบลราชธานี (ชินณวุฒิ วิลยาลัย และคณะ 2552 : 170)
รูปแบบใบเสมาอีกประเภทหนึ่งที่พบที่บริเวณวัดป่าเรไรแห่งนี้ คือ ใบเสมาที่ทำด้วยศิลาแลง พบทั้งที่ทำเป็นแผ่น ส่วนฐานไม่มีลวดลาย ส่วนกลางใบเสมาสลักเป็นสันนูนในแนวตั้ง และอีกแบบหนึ่งคือ ใบเสมาแบบแท่งหินรูป 8 เหลี่ยม ขนาดค่อนข้างใหญ่ ส่วนปลายยอดเรียว พบปักอยู่บริเวณด้านหน้าทางเข้าวัด(ชินณวุฒิ วิลยาลัย และคณะ 2552 : 170)
นอกจากนี้ยังพบร่องรอยของแนวศิลาแลงและอิฐ ซึ่งแสดงว่าน่าจะมีการก่อสร้างอาคารขึ้นด้วย ในบริเวณใกล้เคียงกัน ยังพบเศษภาชนะดินเผากระจายอยู่หนาแน่น มีลวดลายกดประทับเป็นรูปคลื่นลายก้านขด หรือลายหวี ซึ่งเหมือนกันกับที่เมืองออกแก้ว ประเทศเวียดนาม
3.กลุ่มใบเสมาหลังโรงเรียนชุมชนเปือยหัวดง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของวัดป่าเรไร ห่างออกไปเป็นระยะทางประมาณ 500 เมตร
ลักษณะของใบเสมา คือ พบว่าปักและวางเป็นกลุ่ม ลักษณะของใบเสมาเป็นแบบแผ่นหิน ตรงกลางใบแกะสลักเป็นรูปสันนูนแนวตั้ง บางใบมีขนาดสูง บางใบเป็นแผ่นสั้นๆ และบางใบแตกหักชำรุด ไม่ปรากฏลวดลายพิเศษ นอกจากนี้ยังพบแท่นประติมากรรมหินทรายวางอยู่ในบริเวณกลุ่มใบเสมาอีกด้วย (ชินณวุฒิ วิลยาลัย และคณะ 2552 : 170)
นอกจากนี้ ภายในโรงเรียนชุมชนเปือยหัวดง ยังพบพระพุทธรูปหินทรายปางสมาธิ ศิลปะทวารวดี ประดิษฐานอยู่ในศาลา ส่วนพระเศียรหักและต่อเติมขึ้นมาใหม่ พระบาทแกะสลักให้เห็นนิ้วพระบาทที่โผล่ออกมาทางด้านล่างทั้งสองข้าง (ชินณวุฒิ วิลยาลัย และคณะ 2552 : 170)
กลุ่มใบเสมาทั้งสามแหล่งซึ่งเป็นใบเสมาหินนั้น ได้แสดงให้เห็นถึงการสืบเนื่องของชุมชน ที่น่าจะมีมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 12 - 13 และนับว่าเป็นแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ ที่มีการนับถือพระพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงการสืบเนื่องของชุมชนที่น่าจะมีการรวมกลุ่มกัน เป็นชุมชนขนาดใหญ่ในบริเวณบ้านเปือยหัวดง ตำบลเปือยหัวดง อำเภอลืออำนาจ
กรมศิลปากร. “โรงเรียนชุมชนเปือยหัวดง.” ระบบฐานข้อมูลแหล่งมรดกศิลปวัฒนธรรมและระบบภูมิสารสนเทศ โครงการสำรวจแหล่งมรดกทางศิลปวัฒนธรรม. (ออนไลน์), มปป. เข้าถึงเมื่อ 3 มิถุนายน 2557. แหล่งที่มา http://www.gis.finearts.go.th/gisweb/viewer.aspx
คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ.วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญา จังหวัดอำนาจเจริญ. (ออนไลน์), 2542. เข้าถึงเมื่อ 02 มิถุนายน 2557. แหล่งที่มา http://www.era.su.ac.th/RockPainting/northeast/index.html
คณะอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว. วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์เอกลักษณ์และภูมิปัญญาจังหวัดอำนาจเจริญ. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว, 2544.
ชินณวุฒิ วิลยาลัย และคณะ. องค์ความรู้เรื่องใบเสมาอิสาน. กรุงเทพฯ : สำนักศิลปากรที่ 9-12 กรมศิลปากร, 2552.
สุจิตต์ วงศ์เทศ. ชื่อบ้านนามเมืองจังหวัดอำนาจเจริญ.กรุงเทพฯ : สำนักคณะกรรมการวัฒนธรรม แห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม, 2549.
สำนักศิลปากรที่ 11 อุบลราชธานี. โบราณคดีจังหวัดอุบลราชธานีสมัยประวัติศาสตร์. (ออนไลน์), มปป. เข้าถึงเมื่อ 3 มิถุนายน 2557. แหล่งที่มา http://www1.tv5.co.th/service/mod/heritage/nation/oldcity/amnatcharoen4.htm