โพสต์เมื่อ 13 ก.ค. 2020
ชื่ออื่น : กลุ่มเตาบ้านเกาะน้อย
ที่ตั้ง : บ้านเกาะน้อย ต.หนองอ้อ อ.ศรีสัชนาลัย
ตำบล : หนองอ้อ
อำเภอ : ศรีสัชนาลัย
จังหวัด : สุโขทัย
พิกัด DD : 17.476181 N, 99.755115 E
เขตลุ่มน้ำหลัก : ยม
จากเมืองโบราณศรีสัชนาลัยสามารถใช้ได้ทั้งทางหลวงหมายเลข 1201 และถนนเลียบแม่น้ำยม มุ่งหน้าไปทางทิศเหนือประมาณ 6 กิโลเมตร จะพบหลุมจัดแสดงเตาเผาสังคโลกอยู่ทางขวามือ
การเดินทางมายังอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยนั้น สามารถเดินทางเข้ามาได้หลายวิธี ดังนี้
1. รถโดยสารประจำทาง โดยมีรถประจำทางของบริษัทสุโขทัยวินทัวร์จากกรุงเทพฯ (สถานีขนส่งหมอชิต)ทุกวัน
2. รถไฟ เส้นทางกรุงเทพฯ-อุตรดิตถ์ ลงที่สถานีสวรรคโลก จากนั้นต่อรถโดยสารประจำทาง
3. เครื่องบิน มีเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ-สุโขทัย วันละ 2 เที่ยว
4. รถส่วนตัว จากตัวเมืองสุโขทัย ใช้ทางหลวงหมายเลข 101 เส้นสุโขทัย-สวรรคโลก-ศรีสัชนาลัย ไปจนถึงระหว่างกิโลเมตรที่ 17 - 19 เลี้ยวซ้ายข้ามสะพานแม่น้ำยม จะมีทางแยกขวาเข้าอุทยานฯ ไป ประมาณ 1.5 กิโลเมตร เป็นระยะทาง 68 กิโลเมตร หรือ หรือ จากอำเภอสวรรคโลกไปตามทางหลวงหมายเลข 1201 ไปจนถึงตำบลเมืองเก่า บริเวณเชิงสะพานข้ามแม่น้ำยมแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าอุทยานฯ อีก 2 กิโลเมตร รวมระยะทาง 22 กิโลเมตร
กลุ่มเตาบ้านเกาะน้อยได้รับการขุดค้นขดแต่งและอนุรักษ์แล้ว ทั้งยังมีการสร้างอาคารคลุมเพื่อจัดแสดงให้กับผู้สนใจทั่วไปได้เข้าเยี่ยมชมและศึกษา
เตาบ้านเกาะน้อยอยู่ห่างออกจากเมืองโบราณศรีสัชนาลัยไปทางทิศเหนือประมาณ 4-5 กิโลเมตร ในเขตหมู่บ้านเกาะน้อย อยู่ริมฝั่งแม่น้ำยม เตากระจายตัวเป็นระยะทางกว่า 1.5 กิโลเมตร
อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยเปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวและผู้ที่มาเยี่ยมชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30 – 16.30 น. ไม่เว้นวันหยุดราชการ มีสิ่งอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวต่าง ดังนี้
- ศูนย์บริการข้อมูลที่เปิดให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยและประวัติศาสตร์ของเมืองศรีสัชนาลัย เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลที่ประชาชนและผู้ที่สนใจสามารถค้นคว้าข้อมูลได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
- เจ้าหน้าที่นำชมโบราณสถาน/วิทยากร ที่คอยแนะนำเส้นทางท่องเที่ยวภายในอุทยานฯ และพร้อมนำชมโบราณสถานในเขตอุทยานฯทุกวัน
- แผ่นพับประชาสัมพันธ์และป้ายอธิบายโบราณสถานแต่ละแห่ง
- เส้นทางท่องเที่ยวภายในอุทยานฯที่สะดวกสบาย เชื่อมโยงโบราณสถานแต่ละแห่ง
- ป้ายบอกทางไปโบราณสถานเป็นระยะ
- จักรยานและรถรางในพื้นที่ภายในกำแพงเมือง
อัตราค่าเข้าชมสำหรับชาวไทย 20 บาท และ 40 บาท(สำหรับบัตรรวม) สามารถเข้าชมภายในอุทยานฯ วัดชมชื่น และแหล่งอนุรักษ์เตาเผาสังคโลกหมายเลข 61 และ 42
ค่าเข้าชมสำหรับชาวต่างชาติ 100 บาท และ 220 บาท (สำหรับบัตรรวม)
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่คอยบริการนักท่องเที่ยวด้วย เช่น ค่าเช่าจักรยานคันละ 20 บาท สำหรับชาวไทย, ค่ารถรางคนละ 20 บาท สำหรับชาวไทย และ 40 บาทสำหรับชาวต่างชาติ หรือเหมาคันละ 300 บาท (ไม่เกิน 15 คน) *จักรยานและรถรางเป็นสัมปทานเอกชน อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้*
สามารถสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการเข้าชมได้ที่ สำนักงานอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย โทรศัพท์ 055 679211
กรมศิลปากร
ขึ้นทะเบียนของกรมศิลปากร
1. ประกาศกำหนดจำนวนโบราณสถานสำหรับชาติ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 52 วันที่ 8 มีนาคม 2478 หน้า 3704 การประกาศในครั้งนั้น เป็นเพียงการประกาศชื่อโบราณสถานเท่านั้น ไม่ได้กำหนดขอบเขตโบราณสถานแต่อย่างใด
2. กรมศิลปากร ประกาศกำหนดเขตที่ดิน อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 105 ตอนที่ 57 ลงวันที่ 12 เมษายน 2531 หน้า 2876 โดยมีพื้นที่โบราณสถานประมาณ 28,217 ไร่ โดยเตาทุเรียงบ้านเกาะน้อย เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย
ขึ้นทะเบียนของ UNESCO
วันที่ 12 ธันวาคม 2534 ที่เมืองคาร์เทจ ประเทศตูนีเซีย เป็นมรดกโลกตามบัญชีลำดับที่ 574
กลุ่มเตาบ้านเกาะน้อยตั้งอยู่บริเวณที่ราบริมฝั่งแม่น้ำ โดยมีแม่น้ำยมไหลผ่านทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ลักษณะพื้นที่เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำยมขนาดใหญ่ มีภูเขาอยู่ห่างออกไปในบริเวณบ้านดงยางและบ้านป่าคา ในช่วงฤดูฝนมีน้ำท่วมบ้างเป็นครั้งคราว
บ้านเกาะน้อยอยู่ห่างจากตัวเมืองเก่าศรีสัชนาลัยไปทางทิศเหนือเป็นระยะทาง ประมาณ 5 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากตัวเมืองศรีสัชนาลัยปัจจุบัน 4 กิโลเมตร
ลักษณะทั่วไปเป็นกลุ่มเตาเผาทั้งอยู่บนดินและใต้ดิน จากการสำรวจพบว่ามีเตาเผาอยู่บริเวณกลุ่มเตาบ้านเกาะน้อยไม่ต่ำกว่า 200 เตา
ในระดับมหภาค พื้นที่ศรีสัชนาลัยมีแม่น้ำผมไหลผ่าน มีสันปันน้ำมาจากเทือกเขาผีปันน้ำทางภาคเหนือของประเทศไทย ไหลผ่านมาทางจังหวัดแพร่จนถึงตัวอำเภอศรีสัชนาลัย ในช่วงที่ไหลผ่านตัวเมืองโบราณศรีสัชนาลัยจะมีแก่งอยู่ 3 แก่ง คือ แก่งหลวง แก่งคันนา และแก่งสัก มีร่องตาเต็มซึ่งเป็นร่องน้ำเก่าและปัจจุบันกลายเป็นร่องน้ำขนาดใหญ่อยู่ทางด้านทิศเหนือของเมืองศรีสัชนาลัย ร่องน้ำนี้จะมีน้ำขังเมื่อฤดูฝนและน้ำจะแห้งในฤดูแล้ง
แม่น้ำยม
สภาพพื้นที่ค่อนข้างเรียบถึงสภาพพื้นที่ลูกคลื่นลอนลาดเล็กน้อยและสภาพพื้นที่เนินเขา พื้นที่ส่วนใหญ่ลาดเทจากด้านตะวันตกไปสู่ด้านตะวันออก ลักษณะของดินมีทั้งดินที่เกิดจากการสลายตัวของหินดินดานและดินที่เกิดจากตะกอนของลำน้ำ
ชื่อผู้ศึกษา : กรมศิลปากร
ปีที่ศึกษา : พ.ศ.2478
วิธีศึกษา : ประกาศขึ้นทะเบียน
องค์กรร่วม / แหล่งทุน : กรมศิลปากร
ผลการศึกษา :
กรมศิลปากร ประกาศกำหนดจำนวนโบราณสถานระดับชาติ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 52 ลงวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ.2478 หน้า 3704 ในขณะนั้นเพียงแต่ประกาศแค่ชื่อเท่านั้น (ชื่อที่ใช้ในประกาศฯคือ เตาทุเรียงเกาะน้อย) แต่ยังไม่ได้กำหนดขอบเขตโบราณสถานแต่อย่างใดชื่อผู้ศึกษา : ปิยวะดี ลิมปะพันธุ์
ปีที่ศึกษา : พ.ศ.2527
วิธีศึกษา : ประวัติศาสตร์, ศึกษาเอกสาร/จารึก
องค์กรร่วม / แหล่งทุน : ม.ศิลปากร
ผลการศึกษา :
ปิยะวดี ลิมปะพันธุ์ “รูปแบบและวิวัฒนาการเตาเผาสังคโลก บ้านเกาะน้อย อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย” เสนอสารนิพนธ์เพื่อสำเร็จปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการโบราณคดี คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากรชื่อผู้ศึกษา : สายันต์ ไพรชาญจิตร
ปีที่ศึกษา : พ.ศ.2527
วิธีศึกษา : ขุดค้น
องค์กรร่วม / แหล่งทุน : กรมศิลปากร
ผลการศึกษา :
สายันต์ ไพรชาญจิตร กองโบราณคดี กรมศิลปากร ดำเนินการขุดค้นเตาบ้านป่ายาง ในโครงการร่วมระหว่างรัฐบาลไทย-ออสเตรเลีย โดยนำเสนอรายงานการขุดค้นเตาบ้านป่ายาง เป็นเอกสารเผยแพร่เมื่อ พ.ศ.2527ชื่อผู้ศึกษา : สีหวัฒน์ แน่นหนา
ปีที่ศึกษา : พ.ศ.2527
วิธีศึกษา : ประวัติศาสตร์, ศึกษาเอกสาร/จารึก
องค์กรร่วม / แหล่งทุน : กรมศิลปากร
ผลการศึกษา :
สีหวัฒน์ แน่นหนา จัดทำเอกสารทางวิชาการ เรื่อง เครื่องสังคโลกและเตาเผาเมืองศรีสัชนาลัย เพื่อประกอบการจัดทำแผนแม่บทอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย โดยกองโบราณคดี กรมศิลปากร ปีพ.ศ.2527ชื่อผู้ศึกษา : กรมศิลปากร
ปีที่ศึกษา : พ.ศ.2531
วิธีศึกษา : ประกาศขึ้นทะเบียน
องค์กรร่วม / แหล่งทุน : กรมศิลปากร
ผลการศึกษา :
กรมศิลปากร ประกาศกำหนดเขตที่ดินโบราณสถานอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 105 ตอนที่ 57 ลงวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2531 เนื้อที่ 28,217 ไร่ หรือ 45.14 ตารางกิโลเมตร มี โบราณสถาน 283 แห่ง ทั้งในและนอกกำแพงเมือง โดยเตาทุเรียงบ้านเกาะน้อย เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยคำว่า "สังคโลก" เป็นคำเรียกเครื่องถ้วย เฉพาะที่ผลิตที่จังหวัดสุโขทัย ในระหว่างพุทธศตวรรษที่ 18 ถึงต้นพุทธศตวรรษที่ 22 การเริ่มต้นการผลิตนั้น อาจจะมีการพัฒนาภายในชุมชนมาก่อน เพราะได้พบเครื่องปั้นดินเผาพื้นเมือง ทั้งที่เป็นภาชนะใช้สอยชนิดไม่เคลือบ และชนิดเคลือบ เครื่องถ้วยชนิดเคลือบ เนื้อดินปั้น มีลักษณะเช่นเดียวกับพวกภาชนะที่ไม่เคลือบ คือ มีเนื้อดินปั้นหยาบหนาเป็นสีเทาอมม่วง และเคลือบ เฉพาะด้านใน เป็นต้นว่า จาน ไห และกระเบื้อง มุงหลังคา สีที่นิยมคือ สีเขียวมะกอก เครื่องถ้วยแบบนี้ส่วนใหญ่ไม่มีลาย แต่บางใบ ก็มีลายขูดเป็นเส้นๆ คล้ายลายหวีใต้เคลือบ
ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 18-19 ทางสุโขทัยได้เริ่มมีการติดต่อกับจีน โดยเฉพาะจีนใต้ และอันนัม หรือเวียดนาม ซึ่งเดิมเป็นส่วนหนึ่งของจีนอย่างใกล้ชิด จึงน่าที่จะมีช่างจีน และช่างอันนัม ได้เข้ามาค้าขาย และตั้งหลักแหล่งอยู่ในบริเวณเตาเผา ทั้งที่เมืองสุโขทัยเก่า และที่ศรีสัชนาลัย จึงปรากฏว่าได้มีการพัฒนาการผลิตเครื่องถ้วยใหม่ โดยพยายามลอกเลียนแบบ และลวดลายจากเครื่องถ้วยจีนในยุคนั้น พบเครื่องสังคโลก มีทั้งที่ใช้ลายขุดขูดใต้เคลือบเซลาดอน ด้านในภาชนะเป็นลวดลายดอกบัว ลายดอกไม้ก้านขด ขอบริมของภาชนะผายออก มีทั้งขอบริมแบบเรียบ และมีลายคดโค้ง แบบลายกลีบบัว และด้านนอกตกแต่งเป็นลายกลีบบัว แบบนี้เป็นแบบที่จีนนิยมมาก ในสมัยราชวงศ์หยวน (พ.ศ.1823-1911) ซึ่งผลิตที่เตาหลงฉวน มณฑลเจ้อเจียง แต่หลังจากนั้นแล้ว ช่างก็ได้พัฒนาเครื่องสังคโลก ให้มีความงดงามตามรสนิยมของตน ดังนั้นจึงเห็น ได้ว่าเครื่องสังคโลกที่ผลิตในระยะหลังๆ จะมี ลักษณะที่เด่นเฉพาะตน แม้ว่าจะยังมีรูปแบบของจีนให้เห็นอยู่บ้างก็ตาม
แหล่งผลิตสังคโลกที่จังหวัดสุโขทัยมีกลุ่มแหล่งเตาผลิตขนาดใหญ่ 2 กลุ่ม นั้นคือ กลุ่มเตาบ้านเกาะน้อยและกลุ่มเตาบ้านป่ายาง ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำยม ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่านอำเภอศรีสัชนาลัย ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากแหล่งเตาริมแม่น้ำยมนี้ มีมากมายหลายรูปแบบ ตั้งแต่ โอ่ง ไห ตุ่ม หม้อ พาน จาน ชาม คนโท คนที ตุ๊กตา เครื่องประดับอาคาร เช่น กระเบื้องมุง หลังคา กระเบื้องเชิงชาย ครอบอกไก่ ช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ บราลี เทพนม ตลอดจนทวารบาล นอกนั้นมีพวกตุ๊กตาเสียกบาล ตุ๊กตารูปสัตว์ รูป ปั้นคู่ชายหญิง เป็นต้น ซึ่งเตาเผาที่รู้จักมานานมี เตาป่ายาง และเตายักษ์
ลักษณะเนื้อดินปั้นของเครื่องสังคโลกที่เตาศรีสัชนาลัยนี้ มีคุณภาพดี เนื้อละเอียด ผลิตภัณฑ์มีฝีมือประณีตกว่าที่เตาสุโขทัย มีทั้งเคลือบสีเขียว มะกอก เขียวไข่กา (เซลาดอน) สีขาว สีน้ำตาล พื้นสีขาวเขียนลายบนเคลือบด้วยสีน้ำตาลทอง หรือพื้นขาวเขียนลายใต้เคลือบสีเทาหรือดำ
วิธีการตกแต่งลวดลายประดับ มีทั้งการ เขียนลายใต้เคลือบ เขียนลายบนเคลือบ เขียนลายในเคลือบ ขุดขูดให้เป็นลายปั้นลายติดที่ตัวผลิตภัณฑ์ แล้วเคลือบ และมีการใช้แม่พิมพ์ ลวดลายที่นิยมมีลายดอกไม้ โดยเฉพาะลายดอกบัว ลายดอกไม้ก้านขด ลายปลาคาบสาหร่าย ลายสังข์ แบบลายของจีน และลายแปลกอื่นๆ
กลุ่มเตาบ้านเกาะน้อยเป็นที่ตั้งแหล่งเตาเผาภาชนะในระดับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในเมืองศรีสัชนาลัยในอดีต มีการทำอุตสาหกรรมนี้มาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน จากการสำรวจพบเตาอยู่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ เป็นแนวยาวตลอดริมฝั่งขวาของแม่น้ำยม รูปแบบของเตามีหลายรูปแบบแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับหน้าที่การใช้งาน ลักษณะของเตาเผาที่บ้านเกาะน้อยแบ่งตามลักษณะทางเดินของลม คือ
1. เตาเผาชนิดทางเดินลมร้อนผ่านในแนวนอน (Crossdraft kiln หรือ Horizontaldraft kiln) หรือเตาประทุน เป็นเตาที่มีรูปร่างยาวขนานกับพื้น หรือลาดเอียงไปตามพื้นดิน หลังคาโค้งโดยตลอดจนถึงส่วนที่เป็นปล่องไฟ แบ่งส่วนต่างๆของเตาได้ 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนหน้า เป็นส่วนของห้องเผาไหม้ ส่วนที่สอง เป็นส่วนของห้องบรรจุภาชนะ และส่วนที่สามคือส่วนของปล่องไฟหรือปล่องระบายควัน เตาชนิดนี้ทนความร้อนได้ถึง 1,200 องศาเซลเซียส
2. เตาเผาชนิดทางเดินลมร้อนผ่านในแนวขึ้น (Updraft kiln) หรือเตาตะกรับ เตาเผาชนิดนี้มักมีรูปร่างกลม หรือทรงสี่เหลี่ยม เป็นเตาที่สร้างขึ้นอย่างง่าย แบ่งอกเป็นสองส่วนคือ ส่วนของห้องวางภาชนะ และห้องเผาไหม้ ระหว่างห้องทั้งสองห้องมีตะกรับเตากั้นอยู่ ทนความร้อนได้ไม่สูงนัก เผาได้อุณหภูมิไม่เกิน 900 องศาเซลเซียส เตาชนิดนี้ใช้เผาจำพวกกระเบื้อง ภาชนะ หรือเครื่องดินเผาที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
กรมศิลปากร. “กลุ่มเตาทุเรียงบ้านเกาะน้อย น.33.” ใน ระบบฐานข้อมูลแหล่งมรดกศิลปวัฒนธรรมและระบบภูมิสารสนเทศ โครงการสำรวจแหล่งมรดกทางศิลปวัฒนธรรม. (ออนไลน์). เข้าถึงเมื่อ 10 มีนาคม 2558. แหล่งที่มา http://www.gis.finearts.go.th/gisweb/viewer.aspx
กรมศิลปากร. ทำเนียบโบราณสถานศรีสัชนาลัย. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2535.
เครื่องถ้วยสมัยสุโขทัยและสมัยอยุธยาตอนต้น (ออนไลน์) เข้าถึงเมื่อ 10 มีนาคม 2558. แหล่งที่มา http://kanchanapisek.or.th
นารีรัตน์ ปรีชาพีชคุปต์. รายงานการขุดค้นเตาทุเรียงหมายเลข 61,176,177และ178, งานโบราณคดี โครงการอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย กองโบราณคดี กรมศิลปากร พ.ศ.2529-2530.
ปิยะวดี ลิมปะพันธุ์ “รูปแบบและวิวัฒนาการเตาเผาสังคโลก บ้านเกาะน้อย อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย” สารนิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิต (โบราณคดี) คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2527.
สายันต์ ไพรชาญจิตร. รายงานการขุดค้นเตาบ้านป่ายาง. โครงการร่วมระหว่างรัฐบาลไทย-ออสเตรเลีย กองโบราณคดี กรมศิลปากร, 2527.
สีหวัฒน์ แน่นหนา. เครื่องสังคโลกและเตาเผาเมืองศรีสัชนาลัย. เอกสารทางวิชาการ งานจัดทำแผนแม่บท อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย กองโบราณคดี กรมศิลปากร, 2527.