โพสต์เมื่อ 13 ก.ค. 2020
ที่ตั้ง : อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ต.ประตูชัย อ.พระนครศรีอยุธยา
ตำบล : ประตูชัย
อำเภอ : พระนครศรีอยุธยา
จังหวัด : พระนครศรีอยุธยา
พิกัด DD : 14.355181 N, 100.566405 E
เขตลุ่มน้ำหลัก : ป่าสัก, เจ้าพระยา, ลพบุรี, น้อย
เขตลุ่มน้ำรอง : คลองเมือง
วัดโพง อยู่ระหว่างวัดสังขปัดกับวัดจันทร์ ตั้งอยู่บริเวณบึงพระราม กลางเกาะเมือง
การเดินทางสู่อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา จากกรุงเทพมหานคร ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) ผ่านประตูน้ำพระอินทร์ แยกเข้าทางหลวงหมายเลข 32 แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 309 เข้าสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ใช้ทางหลวงหมายเลข 304 (ถนนแจ้งวัฒนะ) หรือทางหลวงหมายเลข 302 (ถนนงามวงศ์วาน) เลี้ยวขาวเข้าทางหลวงหมายเลข 306 (ถนนติวานนท์) ข้ามสะพานนนทบุรี ไปจังหวัดปทุมธานี จากนั้นใช้เส้นทางปทุมธานี - สามโคก - เสนา ทางหลวงหมายเลข 311 เลี้ยวขวาที่อำเภอ เสนา ทางหลวงหมายเลข 3263 เข้าจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ใช้เส้นทาง กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี ทางหลวงหมายเลข 306 ถึงทางแยกสะพานปทุมธานีเลี้ยวเข้าสู่เส้นทางหลวงหมายเลข 3309 ผ่านศูนย์ศิลปาชีพบางไทร เข้าสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
การเดินทางด้วยรถไฟ ใช้ขบวนที่เดินทางสู่ภาคเหนือ และ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในเขตอำเภอบางปะอิน อำเภอ พระนครศรีอยุธยา และอำเภอภาชี
วัดโพง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวภายในเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยา อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เปิดให้เข้าชมในลักษณะของอุทยานประวัติศาสตร์ เปิด 06.00 - 18.00 น. โดยเก็บค่าเข้าชมสำหรับคนไทย เป็นเงิน 10 บาท ชาวต่างชาติเป็นเงิน 40 บาท ยกเว้นค่าเข้าชมสำหรับผู้สูงอายุที่มีอาย 60 ปีขึ้นไป, นักเรียน-นักศึกษา ในเครื่องแบบ, พระภิกษุ สามเณร แม่ชี และนักบวช เป็นต้น สามารถโทรศัพท์ติดต่อล่วงหน้าได้ที่อุทยานประวัติศาสตร์ พระนครศรีอยุธยา เบอร์โทรศัพท์ 035-245123-4
กรมศิลปากร
การขึ้นทะเบียนของกรมศิลปากร :
วัดโพง เป็นโบราณสถานที่อยู่ในอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ตั้งอยู่ภายในเกาะเมืองอยุธยา กรมศิลปากรได้ประกาศกำหนดเขตที่ดินโบราณสถานพระนครศรีอยุธยา ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 93 ตอนที่ 102 ลงวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2519 พื้นที่ 1,810 ไร่ และในปี พ.ศ. 2540 กรมศิลปากรได้ประกาศกำหนดเขตที่ดินโบราณสถานพระนครศรีอยุธยาเพิ่มเติม ซึ่งครอบคลุมเกาะเมืองอยุธยาและพื้นที่รอบนอกเกาะเมืองทุกด้านที่ปรากฏหลักฐานด้านประวัติศาสตร์โบราณคดี พื้นที่โบราณสถานประมาณ 3,000 ไร่
การขึ้นทะเบียนของ UNESCO
วัดโพง เป็นโบราณสถานภายในเขตอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ซึ่งได้รับการพิจารณาเป็นมรดกโลกเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ.2534 ที่เมืองคาร์เทจ ประเทศตูนีเซีย เป็นมรดกโลกตามบัญชีลำดับที่ 576
วัดโพง ตั้งอยู่บริเวณบึงพระราม กลางเกาะเมืองอยุธยา อยู่ระหว่างวัดสังขปัด (ด้านทิศตะวันตก) กับวัดจันทร์ (ด้านทิศตะวันออก) ปัจจุบันเป็นโบราณสถานภายในเกาะเมืองอยุธยา อยู่ในพื้นที่ของอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา อยู่ห่างจากแม่น้ำเจ้าพระยามาทางทิศเหนือประมาณ 1.30 กิโลเมตร
แม่น้ำเจ้าพระยา, แม่น้ำป่าสัก, แม่น้ำลพบุรี, แม่น้ำน้อย, คลองเมือง
ที่ราบลุ่มภาคกลางเกิดจากการเคลื่อนไหวของรอยเลื่อนใหญ่ ได้แก่ รอยเลื่อนแม่ปิง(ต่อเลยไปเกือบเชื่อมกับรอยเลื่อนเมย) รอยเลื่อนอุตรดิตถ์ (น้ำปาด) และรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ ในยุคครีเทเชียสตอนปลายถึงยุคเทอร์เชียรี ซึ่งต่อเนื่องจากการเปิดตัวของอ่าวไทยทางใต ้และการเกิดแอ่งเทอร์เชียรีในบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันตกตอนบนและตามด้วยการเกิดรอยเลื่อนในแนวเหนือ-ใต้ (Bunopas, 1981) การสะสมตัวเกิดขึ้นบนบกแบบเนินตะกอนน้ำพารูปพัด ที่ราบตะกอนน้ำพา ทางน้ำ ทะเลสาบ และแบบกึ่งทางน้ำกับทะเลสาบ
ลักษณะทางธรณีวิทยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตั้งอยู่ในบริเวณที่ราบลุ่มภาคกลางตอนใต้ ทำให้ลึกลงไปใต้พื้นดินของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นแหล่งกรวดทรายขนาดใหญ่ เม็ดกรวด และทรายมีขนาดใหญ่และมีลักษณะกลมมน น้ำบาดาล สะสมตัวอยู่ระหว่างช่องว่างและเม็ดกรวดและทราย แทรกสลับอยู่กับชั้นดินเหนียว ทำให้มีชั้นน้ำบาดาลหลายชั้น และเป็นชั้นน้ำที่แผ่ขยายออกไปในแนวราบอย่างกว้างขวาง มีคุณสมบัติทางอุทกธรณีวิทยาเฉพาะตัว ซึ่งเป็นลักษณะที่พบอยู่ในชั้นน้ำบาดาลส่วนใหญ่ของที่ราบลุ่มภาคกลางตอนใต้ กล่าวคือ ชั้นน้ำบาดาลแต่ละชั้น จะมีชั้นดินเหนียวรองรับอยู่ด้านล่าง และปิดทับอยู่ด้านบน จัดเป็นชั้นน้ำบาดาลใต้แรงดัน (Confined aquifer)
ชื่อผู้ศึกษา : กรมศิลปากร
ปีที่ศึกษา : พ.ศ.2519
วิธีศึกษา : ประกาศขึ้นทะเบียน
ผลการศึกษา :
กรมศิลปากร ประกาศกำหนดเขตที่ดิน อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 93 ตอนที่ 102 ลงวันที่ 17 สิงหาคม 2519 หน้า 2149 โดยมีพื้นที่โบราณสถานประมาณ 1,810 ไร่ โดยวัดโพง เป็นโบราณสถานที่อยู่ในเขตอุทยานประวัติศาสตร์ฯชื่อผู้ศึกษา : UNESCO
ปีที่ศึกษา : พ.ศ.2534
วิธีศึกษา : ประกาศขึ้นทะเบียน
องค์กรร่วม / แหล่งทุน : กรมศิลปากร
ผลการศึกษา :
วัดโพง เป็นโบราณสถานภายในเขตเกาะเมือง พระนครศรีอยุธยา ซึ่งได้รับการพิจารณาเป็นมรดกโลกเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2534ชื่อผู้ศึกษา : กรมศิลปากร
ปีที่ศึกษา : พ.ศ.2540
วิธีศึกษา : ประกาศขึ้นทะเบียน
ผลการศึกษา :
กรมศิลปากร ประกาศกำหนดเขตที่ดิน อุทยานประวัติศาสตร์ พระนครศรีอยุธยา เพิ่มเติม โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 114 ตอนที่ 6 ง ลงวันที่ 21 มกราคม 2540 หน้า 40 โดยมีพื้นที่โบราณสถานประมาณ 3,000 ไร่ชื่อผู้ศึกษา : ไพฑูรย์ บรรลือทรัพย์
ปีที่ศึกษา : พ.ศ.2540
วิธีศึกษา : ประวัติศาสตร์ศิลปะ, ประวัติศาสตร์
ผลการศึกษา :
ไพฑูรย์ บรรลือทรัพย์. “โบราณสถานร้างที่ (เกือบ) ถูกลืม : วัดโพง”. ตีพิมพ์เผยแพร่ใน ศิลปวัฒนธรรม. ปีที่ 18, ฉบับที่ 10 (ส.ค. 2540) : หน้า 72-74วัดโพง (ก่องแก้ว วีระประจักษ์ มปป.) เป็นวัดโบราณสร้างขึ้นในสมัยอยุธยา ตั้งอยู่ในบริเวณส่วนกลางของเกาะเมืองริมบึงพระรามด้านทิศใต้ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อใด ปัจจุบันเป็นวัดร้าง ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สิ่งก่อสร้างที่เป็นหลักฐานสำคัญคือ เจดีย์ 1 องค์
ในประชุมประชุมพงศาวดาร เล่ม 37 เรื่องกรุงเก่า ซึ่งเรียบเรียงโดย พระยาโบราณบุรานุรักษ์ (พร เดชะคุปต์) สมุหเทศาภิบาลมณฑลอยุธยา เมื่อ ร.ศ.126 ได้บรรยายไว้ว่า ในบริเวณหน้าวัดโพงนั้นมีร้านชำไทยมอญ และเป็นตลาดขายเครื่องทองเหลืองขนาดใหญ่ในสมัยกรุงศรีอยุธยา เช่นเดียวกับวัดกระจี
1. เจดีย์ประธาน วัดโพงอยู่ในสภาพชำรุดปรักหักพังเป็นส่วนใหญ่ การพิจารณาศึกษารูปทรงเจดีย์จึงสามารถทำได้จากร่องรอยโครงสร้างที่หลงเหลือให้เห็นอยู่บางส่วน ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงสี่เหลี่ยม ก่อด้วยอิฐ มีฐานสูง ผิวนอกของเจดีย์มีร่องรอยการฉาบปูน และปั้นปูนประดับตกแต่งเป็นรูปและลวดลายต่างๆ เป็นเจดีย์ที่มีลักษณะผสมระหว่างทรงปรางค์กับทรงระฆัง กล่าวคือ เป็นรูปทรงเจดีย์แบบหนึ่งซึ่งนักวิชาการในปัจจุบันเรียกว่า เจดีย์ทรงปราสาทยอด ลักษณะโดยทั่วไปของเจดีย์แบบนี้มีส่วนที่เป็นเรือนธาตุอยู่เหนือฐาน ซึ่งทำเป็นเรือนธาตุอย่างปรางค์ แต่มีมุขยื่นออกทั้งสี่ด้าน
ภายในมุขแต่ละด้าน มีร่องรอยประดับปูนปั้นเป็นรูปพระพุทธรูปยืนเฉพาะซุ้มด้านทิศตะวันตกยังปรากฏพระพุทธรูปยืนพระหัตถ์แสดงปางประทานอภัยแต่เศียรหักหายไปหมดแล้ว ส่วนด้านอื่นๆ ปรากฏหลักฐานเฉพาะร่องรอยซึ่งเหลือให้เห็นเพียงแนวของแผ่นอิฐเท่านั้น ที่ผนังด้านข้างซุ้มด้านทิศตะวันตก มีลายปูนปั้นประดับ ยังคงเหลือให้เห็นบางส่วน ทำเป็นแนวยาวรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า คล้ายซี่ลูกกรงขนาดเล็ก ปั้นปูนเป็นลานหน้ากระดานอยู่ตามแนวนั้น รูปแบบของแนวปูนอย่างนี้อาจใช้เป็นสัญลักษณ์หรือเลียนแบบเจาะช่องโปร่งอาคาร
เหนือเรือนธาตุขึ้นไปทำเป็นชั้นเตี้ยๆ เหนือชั้นทำเป็นทรงกระบอกผายขึ้นเรียงซ้อนลดหลั่นจำนวน 3 ชั้น ที่มุมของชั้นล่างยังปรากฏภาพปูนปั้นรูปครุฑ ซึ่งชำรุดเหลือให้เห็นเพียงส่วนขาและส่วนตัว ยืนอยู่บนนาคเห็นเพียง 3 เศียร ส่วนที่มุมของชั้นบนยังปรากฏลายปูนปั้นเป็นบัวปากฐานให้เห็นอยู่บางส่วน รองรับองค์ระฆังกลม
บริเวณองค์ระฆังด้านทิศตะวันออก แผ่นอิฐส่วนที่ก่อขึ้นเป็นองค์ระฆังหลุดหายไปบางส่วน ทำให้เห็นบริเวณห้องกรุภายใน ซึ่งมีแผ่นหินวางคั่นห้องกรุเป็นชั้นๆ อยู่ระหว่างแนวอิฐ เหนือองค์ระฆังทำเป็นชุดของทรงดอกบัวบานแต่น้อยซึ่งชำรุดหักหายไป คงเหลือให้เห็นเพียงชั้นเดียว ตามรูปเดิมน่าจะเป็นทรงดอกบัวบานซึ่งเรียงซ้อนกันขึ้นไป มีชื่อเรียกว่า บัวคลุ่มเถา
เข้าใจว่าเจดีย์วัดโพงคงได้รับอิทธิพลจากศิลปะทางเหนือดังมีเจดีย์ลักษณะคล้ายคลึงกันเช่น เจดีย์มุมของเจดีย์ประธานวัดพระศรีมหาธาตุ จังหวัดสุโขทัย และเจดีย์รายบางองค์ที่วัดเจดีย์เจ็ดแถว อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย เป็นต้น
สรุปได้ว่า รูปแบบของทรงเจดีย์วัดโพงนี้ น่าจะเป็นจุดหัวเลี้ยวหัวต่อที่ช่างอยุธยาพยายามจะนำมาผสมผสานรูปแบบของสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลมาจากสุโขทัยกับศิลปกรรมที่ใช้อยู่เดิมในอยุธยา การรวบรวมรูปแบบศิลปกรรมทั้งสองอย่างเข้าด้วยกัน แสดงให้เห็นถึงความสามารถของช่างที่ผสมผสานรูปแบบได้อย่างเหมาะสม
นอกจากเจดีย์ดังกล่าวแล้ว เมื่อกรมศิลปากรขุดแต่งบูรณะวัดโพงใน พ.ศ.2540 ยังพบสิ่งก่อสร้างอื่นในบริเวณวัดอีก คือ
2. วิหาร เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า อยู่ทางทิศตะวันออกของเจดีย์ประธาน ผนังด้านหลังอยู่ติดกับฐานเขียงของเจดีย์ประธาน ภายในประกอบด้วยเสาสี่เหลี่ยมจัตุรัส ด้านทิศเหนือปรากฏร่องรอยอาสนสงฆ์ ด้านทิศตะวันตกเป็นฐานชุกชี พื้นปูด้วยอิฐ
3. เจดีย์ราย ประกอบด้วย
- เจดีย์หมายเลข 2 อยู่ทางมุมตะวันตกเฉียงใต้ของเจดีย์ประธาน เหลือเพียงฐานเขียงสี่เหลี่ยม
- เจดีย์หมายเลข 3 อยู่ทางทิศตะวันตกของเจดีย์ประธาน พบเพียงฐานเขียงสี่เหลี่ยมจัตุรัส และส่วนที่ต่อขึ้นไปเป็นฐานบัวลูกแก้วอกไก่เพิ่มมุม
- เจดีย์หมายเลข 4 เป็นเจดีย์ทรงปรางค์ขนาดเล็ก อยู่ทางมุมตะวันตกเฉียงเหนือของเจดีย์ประธาน ตั้งอยู่บนฐานเขียงสี่เหลี่ยม ขนาด 2 x 2 เมตร เหนือขึ้นไปเป็นฐานย่อมุมไม้สิบสอง ต่อด้วยฐานสิงห์ 2 ชั้น เรือนธาตุมีซุ้มจรนำ 4 ทิศ
- เจดีย์หมายเลข 5 เป็นเจดีย์ขนาด 1 x 1 เมตร เหลือเพียงฐานสิงห์ย่อมุมไม้สิบสอง อยู่ทางด้านตะวันตกของเจดีย์ประธาน
3. กำแพงแก้ว เป็นกำแพงอิฐก่อเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หนาประมาณ 80 เซนติเมตร ล้อมรอบโบราณสถาน มีมุขยื่นทางด้านตะวันออก
กรมศิลปากร. นำชมอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2551.
กรมศิลปากร. ทะเบียนโบราณสถานทั่วราชอาณาจักร พ.ศ. 2516. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภา,2516.
กรมศิลปากร. ประชุมพงศาวดารภาคที่ 63 เรื่องกรุงเก่า. พระนคร : โรงพิมพ์การศาสนา, 2511.
กรมศิลปากร. ระบบฐานข้อมูลแหล่งมรดกศิลปวัฒนธรรมและระบบภูมิสารสนเทศ โครงการสำรวจแหล่งมรดกทางศิลปวัฒนธรรม (ออนไลน์) เข้าถึงเมื่อ 01 มีนาคม 2558. แหล่งที่มา http://www.gis.finearts.go.th/gisweb/viewer.aspx
ก่องแก้ว วีระประจักษ์. วัดโพง. มปป. (ออนไลน์) เข้าถึงเมื่อ 01 มีนาคม 2558. แหล่งที่มา http://www.literatureandhistory.go.th/
คณะอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว. วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์เอกลักษณ์และภูมิปัญญาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว, 2544.
น. ณ ปากน้ำ. ศิลปกรรมแห่งอาณาจักรศรีอยุธยา. กรุงเทพฯ : ธเนศวรการพิมพ์, 2516.
ประทีป เพ็งตะโก. นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์สมาพันธ์, 2539.
ไพฑูรย์ บรรลือทรัพย์. “โบราณสถานร้างที่ (เกือบ) ถูกลืม : วัดโพง”. ศิลปวัฒนธรรม. ปีที่ 18, ฉบับที่ 10 (ส.ค. 2540) : หน้า 72-74
สันติ เล็กสุขุม. ศิลปะอยุธยา. มปป. (ออนไลน์) เข้าถึงเมื่อวันที่ 01 มีนาคม 2558 แหล่งที่มา https://welovemuseum.files.wordpress.com/2011/02/e0b8a8e0b8b4e0b8a5e0b89be0b8b0e0b8ade0b8a2e0b8b8e0b898e0b8a2e0b8b2.pdf
สันติ เล็กสุขุม. เจดีย์เพิ่มมุม เจดีย์ย่อมุมสมัยอยุธยา. กรุงเทพฯ : อมรินทร์การพิมพ์, 2529.
สมัย สุทธิธรรม. อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา. กรุงเทพฯ : บริษัท ต้นอ้อ 1999 จำกัด, 2546.