โพสต์เมื่อ 13 ก.ค. 2020
ชื่ออื่น : เพิงหินบ่อน้ำนางอุสา, เพิงหินบ่อน้ำนางอุษา
ที่ตั้ง : อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท บ้านติ้ว ต.เมืองพาน อ.บ้านผือ
ตำบล : เมืองพาน
อำเภอ : บ้านผือ
จังหวัด : อุดรธานี
พิกัด DD : 17.732507 N, 102.352603 E
เขตลุ่มน้ำรอง : ห้วยหินลาด, ห้วยด่านใหญ่, ห้วยหินร่อง, ห้วยนางอุสา, ห้วยโคกขาด
ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2 เดินทางจากรุงเทพมหานครมายังจังหวัดอุดรธานีเป็นระยะทาง 564 กิโลเมตร ผ่านตัวเมืองอุดรธานีมุ่งหน้าไปทางจังหวัดหนองคาย เลี้ยวซ้ายที่บริเวณหมู่บ้านนาข่าเข้าสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2021 อีก 67 กิโลเมตรก็จะถึงที่ทำการอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท
เพิงหินบ่อน้ำนางอุสาตั้งอยู่ภายในอุทยานประวัติศาสตร์ ภูพระบาท เป็นแหล่งท่องเที่ยวทั้งทางประวัติศาสตร์วัฒนธรรมและธรรมชาติที่สวยงาม เปิดให้เข้าชมทุกวัน ไม่เว้นวันหยุด ตั้งแต่เวลา 8.30-16.30 น. ภายในอุทยานมีสิ่งอำนวยความสะดวกคือ ศูนย์บริการข้อมูล หอประชุม ห้องสมุด บ้านพักรับรอง ห้องสุขา ร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึก รถสี่ล้อพลังงานไฟฟ้า
อัตราค่าเข้าชม นักท่องเที่ยว ชาวไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท
การติดต่ออุทยานฯ : อุทยานประวัติศาสตร์ ภูพระบาท ต.เมืองพาน อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี 41160 โทรศัพท์ 042-219837, โทรสาร 042-219838, เว็บไซต์ http://www.finearts.go.th/phuphrabathistoricalpark
กรมศิลปากร, กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
เพิงหินข้างบ่อน้ำนางอุสาเป็นโบราณสถานในกลุ่มวัดพ่อตา-ลูกเขย ซึ่งเป็นกลุ่มโบราณสถานในพื้นที่ราบสันเขาทางตอนเหนือของภูพระบาท พื้นที่โดยรอบโบราณสถานเป็นป่าไม้ เพิงหินอยู่ห่างจากหอนางอุสาไปทางทิศตะวันตกประมาณ 100 เมตร ใกล้กับบ่อนางอุสา
สภาพของแหล่งเป็นเพิงหินที่ประกอบด้วยก้อนหินขนาดกว้าง 3 เมตร ยาว 8 เมตร สูงจากพื้น 1.8 เมตร ตั้งซ้อนทับกันอยู่บนลานหินที่ยกตัวสูงขึ้นคล้ายฐาน โดยมีก้อนหินขนาดเล็กหลายก้อนช่วยค้ำยันเพิงหินด้านบน และเพิงหินมีลักษณะเอียงและหันไปทางทิศเหนือ (พิทักษ์ชัย จัตุชัย 2553 : 66)
ภูพระบาทเป็นภูเขาหินทรายลูกเล็กๆ ลูกหนึ่งในเทือกเขาภูพานหรือภูพานคำ มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางเฉลี่ยประมาณ 320-350 เมตร พื้นที่ทางทิศตะวันตกของภูมีลักษณะสูงชัน และลาดเทลงมาทางทิศตะวันออก
ภูพานหรือภูพานคำเป็นเทือกเขาหินทรายที่วางตัวในแนวทิศเหนือ-ใต้ ทางตะวันตกของจังหวัดอุดรธานีและแอ่งสกลนคร
สภาพทั่วไปของภูพระบาทเป็นป่าโปร่ง มีพืชพรรณธรรมชาติประเภทไม้เนื้อแข็งขึ้นอยู่ทั่วไป เช่น ไม้มะค่า ไม้แดง ไม้ชิงชัง ไม้ประดู่ ไม้เต็งรัง บนภูพระบาทปรากฏลานหินโล่งกว้าง โขดหิน และเพิงหินทรายกระจัดกระจายอยู่จำนวนมาก เกิดจากการกระทำของน้ำและลมต่อหินทราย
ด้วยเหตุที่มีไม้เนื้อแข็งขึ้นปกคลุมค่อนข้างมาก ประกอบกับพืชพันธุ์ธรรมชาติอื่นๆ อีกมากมาย ภูพระบาทจึงจัดอยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าเขือน้ำ” เป็นแหล่งกำเนิดของลำธารหลายสาย เช่น ห้วยหินลาด ห้วยด่านใหญ่ ห้วยหินร่อง ห้วยนางอุสา และห้วยโคกขาด ซึ่งไหลลงไปทางทิศตะวันออกบรรจบกับแม่น้ำโขงที่อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย
บริเวณที่ราบรอบภูเขาส่วนใหญ่ทำการเพาะปลูกข้าวและมันสำปะหลัง หุบเขาทางทิศตะวันออกของภูพระบาทเป็นหุบเขาใหญ่ที่สุดมีลักษณะเป็นที่ราบลูกคลื่น พื้นที่ส่วนใหญ่ทำการเพาะปลูกข้าวและมันสำปะหลัง หุบเขานี้เรียกกันทั่วไปว่า หลุบพาน
ห้วยหินลาด, ห้วยด่านใหญ่, ห้วยหินร่อง, ห้วยนางอุสา, ห้วยโคกขาด, ห้วยโมง, แม่น้ำโขง
ภูพระบาทเป็นเนินเขาหินทราย ในแนวเทือกเขาภูพานน้อย บริเวณขอบที่ราบสูงด้านตะวันตกของอุดรธานี หินทรายมีสีขาว ส้ม เนื้อปนกรวด เม็ดกรวดประกอบด้วยควอตซ์ เชิร์ต หินทรายแป้งสีแดง หินอัคนีบางชนิด มีรอยชั้นขวาง มีหินดินดานและหินกรวดมนแทรกสลับ อยู่ในหน่วยหินภูพาน ชุดโคราช อยู่ช่วงล่าง-ช่วงกลางครีเตเชียส หรือประมาณ 90-140 ล้านปีมาแล้ว หินทรายในพื้นที่มีลักษณะโดดเด่นทางด้านธรณีวิทยา เนื่องจากมีคุณสมบัติแตกต่างกันในแต่ละชั้น และได้ผ่านกระบวนการกัดกร่อนทางธรณีวิทยาโดยน้ำและลม ทำให้ได้ลักษณะธรณีสัณฐานที่แปลกตาหลายบริเวณ เช่น หอนางอุษา ถ้ำช้าง หีบศพพ่อตา หีบศพท้าวบารส หีบศพนางอุษา วัดพ่อตา ถ้ำพระ กู่นางอุษา บ่อน้ำนางอุสา เพิงหินนกกระทา พร้อมทั้งพบลักษณะทางธรณีวิทยากายภาพและธรณีโครงสร้างในหินทราย ซึ่งเป็นหินชั้นหรือหินตะกอนที่ชัดเจน เช่นการแสดงชั้นแทรกสลับกับชั้นกรวด การแสดงชั้นวางเฉียงระดับที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของทิศทางการไหลของน้ำ (กรมทรัพยากรธรณี 2552 : 38-39)
ลักษณะรูปร่างต่างๆ เกิดจากชั้นหินทราย และหินทรายปนกรวด มีเนื้อแตกต่างกัน ชั้นหินที่มีความคงทนสูงจะยื่นออกเป็นเพิงหิน หรือเป็นชั้นหินทับอยู่ข้างบน ส่วนชั้นหินที่มีความคงทนน้อยกว่าจะกร่อนหายไป หรือถูกกัดเซาะผุพังเป็นโพรง หรือเป็นส่วนคอดเว้าอยู่ใต้ชั้นหินแข็ง กลายเป็นเพิงหิน หรือผาหิน เช่นหอนางอุษา เป็นต้น
ชื่อผู้ศึกษา : สุมิตร ปิติพัฒน์
ปีที่ศึกษา : พ.ศ.2517, พ.ศ.2518, พ.ศ.2519
วิธีศึกษา : สำรวจ, ศึกษาศิลปะถ้ำ
องค์กรร่วม / แหล่งทุน : ม.ธรรมศาสตร์
ผลการศึกษา :
แผนกอิสระสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นำโดยอาจารย์สุมิตร ปิติพัฒน์ ได้จัดโครงการอนุรักษ์และพัฒนาศิลปวัฒนธรรมไทย เพื่อศึกษาชีวิตของคนในสังคม ศิลปะพื้นบ้าน และโบราณสถาน ที่ตำบลเมืองพาน อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี และได้สำรวจโบราณสถานบนภูพระบาท เก็บและบันทึกข้อมูลอย่างละเอียด และเผยแพร่ใน พ.ศ.2520 โดยอาจารย์สุมิตร ปิติพัฒน์ (2520 : 20) ระบุว่าที่เพิงหินข้างบ่อน้ำนางอุสานี้ พบเพดานของเพิงมีรอยเขม่าไฟจับ บางตอนมีรอยขีดเขียนเป็นรูปลายเส้นและรูปสัตว์ต่างๆ ภาพเหล่านี้เขียนด้วนสีขาวและแดง เป็นศิลปะของมนุษย์ดั้งเดิม ขณะสำรวจสีได้ลบเลือนไปมาก เพิงนี้จุคนได้ 10-15 คน คงเคยใช้เป็นที่พักอาศัยของคนโบราณ ทุกวันนี้ยังมีชาวบ้านที่เข้ามาตัดไม้แวะพักค้างคืนอยู่เสมอ ด้านหลังของเพิงหินที่มีภาพเขียนสีนี้มีกองหินตั้งสูงคล้ายดอกเห็ด แต่ส่วนบนไม่มีคูหาที่จะอยู่อาศัยได้เหมือนหอนางอุสา รอบๆ กองหินไม่มีใบเสมาปรากฏอยู่เลย จึงเข้าใจว่าคงไม่ได้ใช้ประโญชน์อะไร นอกจากจะเป็นอนุสาวรีย์หรือหินธรรมชาติที่ประดับบริเวณนั้นชื่อผู้ศึกษา : โครงการผามอง
ปีที่ศึกษา : พ.ศ.2519
วิธีศึกษา : สำรวจ, ศึกษาศิลปะถ้ำ
องค์กรร่วม / แหล่งทุน : กรมศิลปากร, สำนักงานพลังงานแห่งชาติ
ผลการศึกษา :
คณะสำรวจโบราณคดีโครงการผามอง กรมศิลปากรร่วมกับสำนักงานพลังงานแห่งชาติ สำรวจภาพเขียนสีที่เพิงหินข้างบ่อน้ำนางอุสา (พเยาว์ เข็มนาค และมนต์จันทร์ น้ำทิพย์ 2533 : 34)ชื่อผู้ศึกษา : โครงการโบราณคดีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ปีที่ศึกษา : พ.ศ.2523, พ.ศ.2527
วิธีศึกษา : สำรวจ, ศึกษาศิลปะถ้ำ
องค์กรร่วม / แหล่งทุน : กรมศิลปากร
ผลการศึกษา :
โครงการโบราณคดีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กรมศิลปากร สำรวจเก็บข้อมูลเมื่อ พ.ศ.2523 และ พ.ศ.2527 โดยสถาพร ขวัญยืน และคณะ (กองโบราณคดี 2532ก : 40 ; พเยาว์ เข็มนาค 2539 : 136)ชื่อผู้ศึกษา : สถาพร ขวัญยืน
ปีที่ศึกษา : พ.ศ.2528
วิธีศึกษา : สำรวจ, ศึกษาศิลปะถ้ำ
องค์กรร่วม / แหล่งทุน : กรมศิลปากร
ผลการศึกษา :
สถาพร ขวัญยืน และคณะ (2528) โดยโครงการโบราณคดีประเทศไทย (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) เผยแพร่ผลการศึกษา “ศิลปะบนผนังหิน อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี”ชื่อผู้ศึกษา : กรมศิลปากร
ปีที่ศึกษา : พ.ศ.2533
วิธีศึกษา : สำรวจ, ศึกษาศิลปะถ้ำ
องค์กรร่วม / แหล่งทุน : กรมศิลปากร
ผลการศึกษา :
กองโบราณคดี กรมศิลปากร เผยแพร่ผลการศึกษาศิลปะถ้ำในภาคตะวันออกเฉียงเหนือรวมถึงที่ภูพระบาท (กองโบราณคดี 2532ก)ชื่อผู้ศึกษา : พเยาว์ เข็มนาค, มนต์จันทร์ น้ำทิพย์
ปีที่ศึกษา : พ.ศ.2533
วิธีศึกษา : สำรวจ, ศึกษาศิลปะถ้ำ
องค์กรร่วม / แหล่งทุน : กรมศิลปากร
ผลการศึกษา :
เผยแพร่ผลการศึกษาโบราณสถานในภูพระบาทและบ้านผือชื่อผู้ศึกษา : สุรีรัตน์ บุบผา
ปีที่ศึกษา : พ.ศ.2539
วิธีศึกษา : ศึกษาศิลปะถ้ำ
องค์กรร่วม / แหล่งทุน : ม.ศิลปากร
ผลการศึกษา :
สุรีรัตน์ บุบผา (2539) เสนอสารนิพนธ์เรื่อง “การศึกษาเปรียบเทียบแหล่งศิลปะถ้ำระหว่างกลุ่มผาแต้มกับกลุ่มบ้านผือ” ต่อคณะโบราณคดี ม.ศิลปากรชื่อผู้ศึกษา : พัชรี สาริกบุตร
ปีที่ศึกษา : พ.ศ.2543
วิธีศึกษา : ศึกษาศิลปะถ้ำ
องค์กรร่วม / แหล่งทุน : ม.ศิลปากร
ผลการศึกษา :
ผศ.พัชรี สาริกบุตร คณะโบราณคดี ม.ศิลปากร รวบรวม ศึกษา และวิเคราะห์ตีความภาพเขียนสีและภาพสลักยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่พบในประเทศไทย รวมทั้งภาพเขียนสีเพิงหินข้างบ่อน้ำนางอุษาชื่อผู้ศึกษา : พิทักษ์ชัย จัตุชัย
ปีที่ศึกษา : พ.ศ.2553
วิธีศึกษา : สำรวจ, ศึกษาศิลปะถ้ำ, ศึกษาการตั้งถิ่นฐาน/การใช้พื้นที่
องค์กรร่วม / แหล่งทุน : ม.ศิลปากร
ผลการศึกษา :
พิทักษ์ชัย จัตุชัย เสนอวิทยานิพนธ์เรื่อง “การวิเคราะห์การใช้พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี : จากหลักฐานทางโบราณคดี” เพื่อสำเร็จปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (โบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์) มหาวิทยาลัยศิลปากรสภาพของแหล่งเป็นเพิงหินที่ประกอบด้วยก้อนหินขนาดกว้าง 3 เมตร ยาว 8 เมตร สูงจากพื้น 1.8 เมตร ตั้งซ้อนทับกันอยู่บนลานหินที่ยกตัวสูงขึ้นคล้ายฐาน โดยมีก้อนหินขนาดเล็กหลายก้อนช่วยค้ำยันเพิงหินด้านบน และเพิงหินมีลักษณะเอียงและหันไปทางทิศเหนือ (พิทักษ์ชัย จัตุชัย 2553 : 66) ภาพเขียนสีพบอยู่เพิงหินทางทิศตะวันออก (พเยาว์ เข็มนาค 2539 : 139) เพิงหินอยู่ห่างจากหอนางอุสาไปทางทิศตะวันตกประมาณ 100 เมตร ใกล้กับบ่อนางอุสา ห่างจากบ่อน้ำนางอุสาไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ 3 เมตร เพิงของเพิงหินนี้ยื่นออกไปทางบ่อน้ำนางอุสา (สุมิตร ปิติพัฒน์ 2520 : 19)
มีร่องรอยของภาพเขียนสีที่ปรากฏอยู่บนเพดานเพิงหิน ตั้งแต่ด้านเหนือ ด้านตะวันตก และด้านใต้ เป็นภาพที่วาดต่อเนื่องและซ้อนทับกันเกือบทั่วทั้งเพดานเพิงหิน เขียนด้วยสีแดงเข้ม ขนาดของเส้นที่ใช้ตั้งแต่ 1, 1.6, 2.6 เซนติเมตร เขียนเป็นลวดลายเส้นสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ภาพสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็กอยู่ภายในสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ ภาพลายเส้นขนาน ลายเส้นโค้ง ลายเส้นรูปตาราง และลายทึบหารูปร่างไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีภาพอีกกลุ่มหนึ่งที่ด้านข้างของเพดานหินที่เป็นภาพลายเส้นลบเลือนจนไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ (กองโบราณคดี 2532ก : 167 ; พเยาว์ เข็มนาค และมนต์จันทร์ น้ำทิพย์ 2533 22 ; พิทักษ์ชัย จัตุชัย 2553 : 66 ; พเยาว์ เข็มนาค 2539 : 139)
พิทักษ์ชัย จัตุชัย (2533 : 67-68) ตีความว่า จากลักษณะของแหล่งที่มีความสูงของเพิงหินจากพื้นที่ค่อนข้างเตี้ยและคับแคบ ซึ่งหากพิจารณาถึงการใช้งานแล้ว ไม่สามารถใช้เป็นที่อยู่อาศัยได้ แต่เนื่องจากด้านหน้าเพิงหินมีลานขนาดใหญ่ ประกอบกับภาพเขียนสีที่มีลวดลายเต็มเพดานเพิงหิน และเป็นลวดลายที่มีลักษณะพิเศษ จึงอาจกล่าวได้ว่าแหล่งเพิงหินข้างบ่อน้ำนางอุสามีความเกี่ยวข้องกับการประกอบพิธีกรรม และยังมีความเกี่ยวเนื่องกับบ่อน้ำนางอุสาที่อยู่ใกล้เคียงอีกด้วย โดยมีอาคารเชื่อมต่อกันระหว่างบ่อน้ำนางอุสาและเพิงหินข้างบ่อน้ำนางอุสา มีหลักฐานการใช้พื้นที่อยู่ในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลายและสมัยทวารวดี
ในขณะที่อาจารย์สุมิตร ปิติพัฒน์ (2520 : 22) ระบุว่าเพิงหินนี้จุคนได้ 10-15 คน คงเคยใช้เป็นที่พักอาศัยของคนโบราณ ทุกวันนี้ยังมีชาวบ้านที่เข้ามาตัดไม้แวะพักค้างคืนอยู่เสมอ
กรมทรัพยากรธรณี. การจำแนกเขตเพื่อการจัดการด้านธรณีวิทยาและทรัพยากรธรณี จังหวัดอุดรธานี. กรุงเทพฯ : กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, 2552.
กรมศิลปากร. ระบบฐานข้อมูลแหล่งมรดกศิลปวัฒนธรรมและระบบภูมิสารสนเทศ โครงการสำรวจแหล่งมรดกทางศิลปวัฒนธรรม. (ออนไลน์) เข้าถึงเมื่อ 1 มีนาคม 2559. แหล่งที่มา http://www.gis.finearts.go.th/gisweb/viewer.aspx
กองโบราณคดี. แหล่งโบราณคดีประเทศไทย เล่ม 3. เอกสารกองโบราณคดีหมายเลข 11/2532. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2532ก.
กองโบราณคดี. ศิลปะถ้ำในอีสาน กรุงเทพฯ : กองโบราณคดี กรมศิลปากร, 2532ข.
กองโบราณคดี. อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท. กรุงเทพฯ : กองโบราณคดี กรมศิลปากร, 2535.
กองโบราณคดี. อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท. กรุงเทพฯ : กองโบราณคดี กรมศิลปากร, 2537.
ธวัชชัย องค์วุฒิเวทย์. อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท. กรุงเทพฯ : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, 2542.
บังอร กรโกวิท. “ภาพเขียนสีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่อำเภอบ้านผือ.” สารนิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิต (โบราณคดี) คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2519.
พเยาว์ เข็มนาค. ศิลปะถ้ำสมัยก่อนประวัติศาสตร์ในประเทศไทย. กรุงเทพฯ : กองโบราณคดี กรมศิลปากร, 2539.
พเยาว์ เข็มนาค และมนต์จันทร์ น้ำทิพย์. ศิลปะถ้ำ “กลุ่มบ้านผือ” จังหวัดอุดรธานี. กรุงเทพฯ : กองโบราณคดี กรมศิลปากร, 2533.
พัชรี สาริกบุตร. “เพิงหินข้างบ่อน้ำนางอุษา.” ภาพเขียนสีและภาพสลัก : ศิลปะสมัยก่อนประวัติศาสตร์ในประเทศไทย. (ออนไลน์), 2543. เข้าถึงเมื่อ 1 มีนาคม 2559. แหล่งที่มา http://www.era.su.ac.th/RockPainting/northeast/index.html
พิทักษ์ชัย จัตุชัย. “การวิเคราะห์การใช้พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี : จากหลักฐานทางโบราณคดี.” วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (โบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์) บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2553.
สถาพร ขวัญยืน และคณะ. ศิลปะบนผนังหิน อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี. กรุงเทพฯ : โครงการโบราณคดีประเทศไทย (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) กองโบราณคดี กรมศิลปากร, 2528.
สมัย สุทธิธรรม. อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท. กรุงเทพฯ : บริษัท ต้นอ้อ 1999 จำกัด, 2546.
สุมิตร ปิติพัฒน์. บ้านผือ ร่องรอยจากอดีต. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2520.
สุรีรัตน์ บุบผา. “การศึกษาเปรียบเทียบแหล่งศิลปะถ้ำระหว่างกลุ่มผาแต้มกับกลุ่มบ้านผือ.” สารนิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิต (โบราณคดี) คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2539.
อรุณศักดิ์ กิ่งมณี และคณะ. ภูพระบาท : อดีตกาลผสานธรรมชาติ. เอกสารประกอบการอบรมยุวมัคคุเทศก์ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท (พ.ศ. 2543) ณ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี 13-15 มี.ค. 2543. อุดรธานี : อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จ.อุดรธานี สำนักโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ 7 ขอนแก่น, 2543.
อรุณศักดิ์ กิ่งมณี และคณะ. อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท อุดรธานี. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2542.