โพสต์เมื่อ 13 ก.ค. 2020
ชื่ออื่น : โนนหินเกลี้ยง1, โนนหินเกลี้ยง
ที่ตั้ง : อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท บ้านผักบุ้ง ต.กลางใหญ่ อ.บ้านผือ
ตำบล : กลางใหญ่
อำเภอ : บ้านผือ
จังหวัด : อุดรธานี
พิกัด DD : 17.752144 N, 102.351319 E
เขตลุ่มน้ำรอง : ห้วยหินลาด, ห้วยด่านใหญ่, ห้วยหินร่อง, ห้วยนางอุสา, ห้วยโคกขาด
ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2 เดินทางจากรุงเทพมหานครมายังจังหวัดอุดรธานีเป็นระยะทาง 564 กิโลเมตร ผ่านตัวเมืองอุดรธานีมุ่งหน้าไปทางจังหวัดหนองคาย เลี้ยวซ้ายที่บริเวณหมู่บ้านนาข่าเข้าสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2021 อีก 67 กิโลเมตรก็จะถึงที่ทำการอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท
อุทยานประวัติศาสตร์ ภูพระบาท เป็นแหล่งท่องเที่ยวทั้งทางประวัติศาสตร์วัฒนธรรมและธรรมชาติที่สวยงาม เปิดให้เข้าชมทุกวัน ไม่เว้นวันหยุด ตั้งแต่เวลา 8.30-16.30 น. ภายในอุทยานมีสิ่งอำนวยความสะดวกคือ ศูนย์บริการข้อมูล หอประชุม ห้องสมุด บ้านพักรับรอง ห้องสุขา ร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึก รถสี่ล้อพลังงานไฟฟ้า
อัตราค่าเข้าชม นักท่องเที่ยว ชาวไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท
การติดต่ออุทยานฯ : อุทยานประวัติศาสตร์ ภูพระบาท ต.เมืองพาน อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี 41160 โทรศัพท์ 042-219837, โทรสาร 042-219838, เว็บไซต์ http://www.finearts.go.th/phuphrabathistoricalpark/
กรมศิลปากร, กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
ถ้ำโนนหินเกลี้ยง 1 อยู่ในกลุ่มโบราณสถานถ้ำโนนหินเกลี้ยง ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่ราบเชิงเขาทางตอนเหนือของภูพระบาท โดยกลุ่มถ้ำโนนหินเกลี้ยงเป็นกลุ่มของแหล่งภาพเขียนสีจำนวน 3 แห่ง ได้แก่ ถ้ำโนนหินเกลี้ยง1 ถ้ำโนนหินเกลี้ยง2 และถ้ำสูง บริเวณโดยรอบของเพิงหินเป็นลานหินธรรมชาติที่ลาดชันไปทางทิศเหนือ และมีลำธารขนาดเล็กคั่นกลางระหว่างถ้ำโนนหินเกลี้ยง 1 และถ้ำโนนหินเกลี้ยง 2
สภาพของแหล่งเป็นเพิงหินขนาดใหญ่ที่ซ้อนทับก้อนหินขนาดเล็กอีก 2 ก้อน โดยหินก้อนบนมีขนาดกว้าง 8 เมตร ยาว 12 เมตร สูงจากพื้น 2 เมตร มีลักษณะเป็นเพิงหินที่ยื่นออกไปทางทิศตะวันออกราว 2 เมตร ส่วนก้อนหินด้านล่างมีขนาดใกล้เคียงกันคือ ก้อนแรกตั้งอยู่ตรงกลางของเพิงหิน มีขนาดยาว 1.7 เมตร สูง 0.5 เมตร และอีกก้อนหนึ่งซึ่งติดอยู่กับก้อนแรก ยาว 1.5 เมตร สูง 0.5 เมตร มีลวดลายของภาพเขียนสีที่ปรากฏอยู่บนเพดานและผนังของเพิงหิน (พิทักษ์ชัย จัตุชัย 2553 : 14)
ภูพระบาทเป็นภูเขาหินทรายลูกเล็กๆ ลูกหนึ่งในเทือกเขาภูพานหรือภูพานคำ มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางเฉลี่ยประมาณ 320-350 เมตร พื้นที่ทางทิศตะวันตกของภูมีลักษณะสูงชัน และลาดเทลงมาทางทิศตะวันออก
ภูพานหรือภูพานคำเป็นเทือกเขาหินทรายที่วางตัวในแนวทิศเหนือ-ใต้ ทางตะวันตกของจังหวัดอุดรธานีและแอ่งสกลนคร
สภาพทั่วไปของภูพระบาทเป็นป่าโปร่ง มีพืชพรรณธรรมชาติประเภทไม้เนื้อแข็งขึ้นอยู่ทั่วไป เช่น ไม้มะค่า ไม้แดง ไม้ชิงชัง ไม้ประดู่ ไม้เต็งรัง บนภูพระบาทปรากฏลานหินโล่งกว้าง โขดหิน และเพิงหินทรายกระจัดกระจายอยู่จำนวนมาก เกิดจากการกระทำของน้ำและลมต่อหินทราย
ด้วยเหตุที่มีไม้เนื้อแข็งขึ้นปกคลุมค่อนข้างมาก ประกอบกับพืชพันธุ์ธรรมชาติอื่นๆ อีกมากมาย ภูพระบาทจึงจัดอยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าเขือน้ำ” เป็นแหล่งกำเนิดของลำธารหลายสาย เช่น ห้วยหินลาด ห้วยด่านใหญ่ ห้วยหินร่อง ห้วยนางอุสา และห้วยโคกขาด ซึ่งไหลลงไปทางทิศตะวันออกบรรจบกับแม่น้ำโขงที่อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย
บริเวณที่ราบรอบภูเขาส่วนใหญ่ทำการเพาะปลูกข้าวและมันสำปะหลัง หุบเขาทางทิศตะวันออกของภูพระบาทเป็นหุบเขาใหญ่ที่สุดมีลักษณะเป็นที่ราบลูกคลื่น พื้นที่ส่วนใหญ่ทำการเพาะปลูกข้าวและมันสำปะหลัง หุบเขานี้เรียกกันทั่วไปว่า หลุบพาน
ห้วยหินลาด, ห้วยด่านใหญ่, ห้วยหินร่อง, ห้วยนางอุสา, ห้วยโคกขาด, ห้วยโมง, แม่น้ำโขง
ภูพระบาทเป็นเนินเขาหินทราย ในแนวเทือกเขาภูพานน้อย บริเวณขอบที่ราบสูงด้านตะวันตกของอุดรธานี หินทรายมีสีขาว ส้ม เนื้อปนกรวด เม็ดกรวดประกอบด้วยควอตซ์ เชิร์ต หินทรายแป้งสีแดง หินอัคนีบางชนิด มีรอยชั้นขวาง มีหินดินดานและหินกรวดมนแทรกสลับ อยู่ในหน่วยหินภูพาน ชุดโคราช อยู่ช่วงล่าง-ช่วงกลางครีเตเชียส หรือประมาณ 90-140 ล้านปีมาแล้ว หินทรายในพื้นที่มีลักษณะโดดเด่นทางด้านธรณีวิทยา เนื่องจากมีคุณสมบัติแตกต่างกันในแต่ละชั้น และได้ผ่านกระบวนการกัดกร่อนทางธรณีวิทยาโดยน้ำและลม ทำให้ได้ลักษณะธรณีสัณฐานที่แปลกตาหลายบริเวณ เช่น หอนางอุษา ถ้ำช้าง หีบศพพ่อตา หีบศพท้าวบารส หีบศพนางอุษา วัดพ่อตา ถ้ำพระ กู่นางอุษา บ่อน้ำนางอุสา เพิงหินนกกระทา พร้อมทั้งพบลักษณะทางธรณีวิทยากายภาพและธรณีโครงสร้างในหินทราย ซึ่งเป็นหินชั้นหรือหินตะกอนที่ชัดเจน เช่นการแสดงชั้นแทรกสลับกับชั้นกรวด การแสดงชั้นวางเฉียงระดับที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของทิศทางการไหลของน้ำ (กรมทรัพยากรธรณี 2552 : 38-39)
ลักษณะรูปร่างต่างๆ เกิดจากชั้นหินทราย และหินทรายปนกรวด มีเนื้อแตกต่างกัน ชั้นหินที่มีความคงทนสูงจะยื่นออกเป็นเพิงหิน หรือเป็นชั้นหินทับอยู่ข้างบน ส่วนชั้นหินที่มีความคงทนน้อยกว่าจะกร่อนหายไป หรือถูกกัดเซาะผุพังเป็นโพรง หรือเป็นส่วนคอดเว้าอยู่ใต้ชั้นหินแข็ง กลายเป็นเพิงหิน หรือผาหิน เช่นหอนางอุษา เป็นต้น
ชื่อผู้ศึกษา : สุสดี ปราบพาล
ปีที่ศึกษา : พ.ศ.2523
วิธีศึกษา : สำรวจ
องค์กรร่วม / แหล่งทุน : กรมศิลปากร
ผลการศึกษา :
สำรวจพบภาพเขียนสีถ้ำโนนหินเกลี้ยงครั้งแรกโดย นายสุสดี ปราบพาล เจ้าหน้าที่หน่วยศิลปากรที่ 7 ประจำวัดพระพุทธบาทบัวบก และต่อมาได้แจ้งให้โครงการโบราณคดีภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้ามาทำการสำรวจเพิ่มเติมเมื่อ พ.ศ.2523ชื่อผู้ศึกษา : โครงการโบราณคดีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ปีที่ศึกษา : พ.ศ.2523
วิธีศึกษา : สำรวจ, ศึกษาศิลปะถ้ำ
องค์กรร่วม / แหล่งทุน : กรมศิลปากร
ผลการศึกษา :
จากการสำรวจภาพเขียนพบว่าแหล่งภาพเขียนสีถ้ำโนนหินเกลี้ยงประกอบด้วยเพิงหิน 2 แห่ง ซึ่งอยู่ห่างกัน 60 เมตร จึงให้ชื่อว่า โนนหินเกลี้ยง 1 โนนหินเกลี้ยง 2 (สถาพร ขวัญยืน และคณะ 2528 : 48-49)ชื่อผู้ศึกษา : สถาพร ขวัญยืน, โครงการโบราณคดีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ปีที่ศึกษา : พ.ศ.2527
วิธีศึกษา : สำรวจ, ศึกษาศิลปะถ้ำ
องค์กรร่วม / แหล่งทุน : กรมศิลปากร
ผลการศึกษา :
สถาพร ขวัญยืน และคณะ ในโครงการโบราณคดีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กรมศิลปากร สำรวจเก็บข้อมูลภาพเขียนสีถ้ำโนนหินเกลี้ยง 1 ระหว่างวันที่ 18-21 มิถุนายน 2527 (กองโบราณคดี 2532ก : 143-145)ชื่อผู้ศึกษา : สถาพร ขวัญยืน
ปีที่ศึกษา : พ.ศ.2528
วิธีศึกษา : สำรวจ, ศึกษาศิลปะถ้ำ
องค์กรร่วม / แหล่งทุน : กรมศิลปากร
ผลการศึกษา :
สถาพร ขวัญยืน และคณะ (2528) โดยโครงการโบราณคดีประเทศไทย (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) เผยแพร่ผลการศึกษา “ศิลปะบนผนังหิน อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี”ชื่อผู้ศึกษา : กรมศิลปากร
ปีที่ศึกษา : พ.ศ.2533
วิธีศึกษา : สำรวจ, ศึกษาศิลปะถ้ำ
ผลการศึกษา :
กองโบราณคดี กรมศิลปากร เผยแพร่ผลการศึกษาศิลปะถ้ำในภาคตะวันออกเฉียงเหนือรวมถึงที่ภูพระบาท (กองโบราณคดี 2532ก)ชื่อผู้ศึกษา : พเยาว์ เข็มนาค, มนต์จันทร์ น้ำทิพย์
ปีที่ศึกษา : พ.ศ.2533
วิธีศึกษา : สำรวจ, ศึกษาศิลปะถ้ำ
องค์กรร่วม / แหล่งทุน : กรมศิลปากรพเยาว์ เข็มนาค, มนต์จันทร์ น้ำทิพย์
ผลการศึกษา :
เผยแพร่ผลการศึกษาโบราณสถานในภูพระบาทและบ้านผือชื่อผู้ศึกษา : พเยาว์ เข็มนาค
ปีที่ศึกษา : พ.ศ.2539
วิธีศึกษา : ศึกษาศิลปะถ้ำ
องค์กรร่วม / แหล่งทุน : กรมศิลปากร
ผลการศึกษา :
เผยแพร่ผลการศึกษาศิลปะถ้ำก่อนประวัติศาสตร์ในประเทศไทย รวมถึงที่ภูพระบาทชื่อผู้ศึกษา : สุรีรัตน์ บุบผา
ปีที่ศึกษา : พ.ศ.2539
วิธีศึกษา : ศึกษาศิลปะถ้ำ
องค์กรร่วม / แหล่งทุน : ม.ศิลปากร
ผลการศึกษา :
สุรีรัตน์ บุบผา (2539) เสนอสารนิพนธ์เรื่อง “การศึกษาเปรียบเทียบแหล่งศิลปะถ้ำระหว่างกลุ่มผาแต้มกับกลุ่มบ้านผือ” ต่อคณะโบราณคดี ม.ศิลปากรชื่อผู้ศึกษา : พัชรี สาริกบุตร
ปีที่ศึกษา : พ.ศ.2543
วิธีศึกษา : ศึกษาศิลปะถ้ำ
องค์กรร่วม / แหล่งทุน : ม.ศิลปากร
ผลการศึกษา :
ผศ.พัชรี สาริกบุตร คณะโบราณคดี ม.ศิลปากร รวบรวม ศึกษา และวิเคราะห์ตีความภาพเขียนสีและภาพสลักยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่พบในประเทศไทย รวมทั้งที่ภูพระบาทชื่อผู้ศึกษา : พิทักษ์ชัย จัตุชัย
ปีที่ศึกษา : พ.ศ.2553
วิธีศึกษา : สำรวจ, ศึกษาศิลปะถ้ำ, ศึกษาการตั้งถิ่นฐาน/การใช้พื้นที่
องค์กรร่วม / แหล่งทุน : ม.ศิลปากร
ผลการศึกษา :
พิทักษ์ชัย จัตุชัย เสนอวิทยานิพนธ์เรื่อง “การวิเคราะห์การใช้พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี : จากหลักฐานทางโบราณคดี” เพื่อสำเร็จปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (โบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์) มหาวิทยาลัยศิลปากรมีลวดลายของภาพเขียนสีที่ปรากฏอยู่บนเพดานและผนังของเพิงหิน สามารถแบ่งออกเป็น 2 บริเวณ (สถาพร ขวัญยืน และคณะ 2528 : 50-51 ; กองโบราณคดี 2532ก : 144-145) ดังนี้
1. บริเวณหินก้อนแรก บนผนังของเพิงหินค่อนไปทางด้านทิศใต้มีลวดลายเขียนเป็นสีแดง ลักษณะคล้ายตาข่าย แต่สภาพลบเลือนและมีสีจางลงมากแล้ว
2. บริเวณก้อนหินก้อนที่ 2 ประกอบไปด้วยภาพเขียนสี 3 จุด คือ
2.1 บริเวณผนังด้านตะวันออกของเพิงหิน เขียนด้วยสีแดง มีขนาดกว้าง 0.5 เมตร ยาว 1.5 เมตร โดยเป็นภาพของลายเส้นขนาน 3 เส้นแล้วเขียนเส้นตัดขวางคล้ายบันได และนำเส้นดังกล่าวไปสร้างเป็นรูปสี่เหลี่ยม ส่วนด้านซ้ายของภาพเขียนมีภาพลายเส้นสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ซ้อนและต่อเนื่องกัน
2.2 บริเวณเพดานด้านตะวันออกของเพิงหิน เขียนเป็นภาพลายเส้นสีแดงเขียนต่อเนื่องกัน มี 9 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1 มี 3 ภาพ โดย 2 ภาพแรกเขียนด้วยเส้นหนา เป็นลายเส้นคู่ขนานหักมุมต่อเนื่องกัน ส่วนอีกภาพหนึ่งเป็นลายเส้นขนาดเล็กเขียนคู่ขนานกัน
กลุ่มที่ 2 เป็นภาพคล้ายสัตว์กำลังวิ่ง โดยเป็นเส้นโค้งและคู่ขนานผสมกัน
กลุ่มที่ 3 มี 3 ภาพ เขียนเป็นลายเส้นรูปสามเหลี่ยมซ้อนกัน โดยมีจุดไข่ปลาอยู่ด้านใน และมีลายเส้นคู่ที่ลากต่อจากรูปสามเหลี่ยมลงมา
กลุ่มที่ 4 มี 9 ภาพ เขียนเป็นลายเส้นขนาดเล็กคล้ายดอกบัว ข้างในมีลายจุดไข่ปลา ภาพลายเส้นคดโค้ง ภาพลายเส้นขนานและภาพลายเส้นเป็นริ้วๆ ที่ต่อเนื่องกันเกือบทุกเส้น
กลุ่มที่ 5 เขียนเป็นภาพหยักฟันเลื่อยซ้อนกัน ผสมกับลายเส้นคู่ขนานและเส้นโค้งเล็กๆ
กลุ่มที่ 6 เขียนเป็นลายเส้นโค้ง มีรูปลายเส้นขั้นบันได เส้นคู่ขนาน วงกลม เส้นไข่ปลา และลายบั้ง โดยเขียนต่อเนื่องกัน
กลุ่มที่ 7 เขียนเป็นภาพลายเส้นตัดขวางรูปตารางต่อเนื่องกัน ลักษณะรูปทรงไม่แน่นอน
กลุ่มที่ 8 เขียนเป็นลายเส้นคดโค้ง วงยาวรี และเส้นตรง ซึ่งเป็นลายเส้นที่ไม่ต่อเนื่องกัน รวม 10 ภาพ
กลุ่มที่ 9 มี 7 ภาพ เขียนเป็นภาพลายทางมะพร้าวหรือลายก้างปลา ลายวงกลมต่อกัน และลายเส้นเป็นแถบ
2.3 บริเวณเพดานด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเพิงหิน เขียนเป็นภาพลายเส้นบางและหนา รวม 8 ภาพ ได้แก่ ภาพลายเส้นคู่รูปขนมเปียกปูน ลายทางมะพร้าวหรือลายก้างปลา ลายเส้นเดี่ยว ลายขั้นบันได ลายจุดไข่ปลา ลายสี่เหลี่ยมผืนผ้า ลายตารางหมากรุก ลายวงกลมผสมเส้นคดโค้ง และลายเส้นโค้ง
พิทักษ์ชัย จัตุชัย (2553 : 17) สันนิษฐานว่า เนื่องจากแหล่งภาพเขียนสีโนนหินเกลี้ยง 1 มีลักษณะเป็นเพิงหินที่ยื่นออกมาด้านหน้าประมาณ 2 เมตร ด้านล่างเพิงหินคอดเล็ก ซึ่งทำให้มีเนื้อที่ภายในเพิงหินพอสมควรในการใช้เป็นที่อยู่อาศัยหรือใช้เป็นที่หลบแดดหลบฝนได้เป็นอย่างดี ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าแหล่งภาพเขียนโนนหินเกลี้ยง 1 นี้ มีลักษณะของการใช้เพื่อวัตถุประสงค์ของการเป็นที่อยู่อาศัยได้ ส่วนภาพเขียนสีที่พบอาจสันนิษฐานได้ว่าเป็นการแสดงถึงการจับจองพื้นที่เพื่อการอยู่อาศัยของคนสมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย หรือสมัยโลหะ อายุรามว 3,000-2,500 ปีมาแล้ว
สถาพร ขวัญยืน (กองโบราณคดี 2532ก) สันนิษฐานว่า ภาพเขียนเขียนเหล่านี้น่าจะเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมที่ทำขึ้นเพื่อสร้างความมั่นคงเกี่ยวกับสภาพควาเมป็นอยู่ของสังคม
กรมทรัพยากรธรณี. การจำแนกเขตเพื่อการจัดการด้านธรณีวิทยาและทรัพยากรธรณี จังหวัดอุดรธานี. กรุงเทพฯ : กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, 2552.
กรมศิลปากร. ระบบฐานข้อมูลแหล่งมรดกศิลปวัฒนธรรมและระบบภูมิสารสนเทศ โครงการสำรวจแหล่งมรดกทางศิลปวัฒนธรรม. (ออนไลน์) เข้าถึงเมื่อ 19 สิงหาคม 2560. แหล่งที่มา http://www.gis.finearts.go.th/gisweb/viewer.aspx
กองโบราณคดี. แหล่งโบราณคดีประเทศไทย เล่ม 3. เอกสารกองโบราณคดีหมายเลข 11/2532. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2532ก.
กองโบราณคดี. ศิลปะถ้ำในอีสาน กรุงเทพฯ : กองโบราณคดี กรมศิลปากร, 2532ข.
กองโบราณคดี. อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท. กรุงเทพฯ : กองโบราณคดี กรมศิลปากร, 2535.
กองโบราณคดี. อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท. กรุงเทพฯ : กองโบราณคดี กรมศิลปากร, 2537.
ธวัชชัย องค์วุฒิเวทย์. อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท. กรุงเทพฯ : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, 2542.
บังอร กรโกวิท. “ภาพเขียนสีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่อำเภอบ้านผือ.” สารนิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิต (โบราณคดี) คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2519.
พเยาว์ เข็มนาค. ศิลปะถ้ำสมัยก่อนประวัติศาสตร์ในประเทศไทย. กรุงเทพฯ : กองโบราณคดี กรมศิลปากร, 2539.
พเยาว์ เข็มนาค และมนต์จันทร์ น้ำทิพย์. ศิลปะถ้ำ “กลุ่มบ้านผือ” จังหวัดอุดรธานี. กรุงเทพฯ : กองโบราณคดี กรมศิลปากร, 2533.
พัชรี สาริกบุตร. “ถ้ำโนนหินเกลี้ยง.” ภาพเขียนสีและภาพสลัก : ศิลปะสมัยก่อนประวัติศาสตร์ในประเทศไทย. (ออนไลน์), 2543. เข้าถึงเมื่อ 19 สิงหาคม 2560. แหล่งที่มา http://www.era.su.ac.th/RockPainting/northeast/index.html
พิทักษ์ชัย จัตุชัย. “การวิเคราะห์การใช้พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี : จากหลักฐานทางโบราณคดี.” วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (โบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์) บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2553.
สถาพร ขวัญยืน และคณะ. ศิลปะบนผนังหิน อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี. กรุงเทพฯ : โครงการโบราณคดีประเทศไทย (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) กองโบราณคดี กรมศิลปากร, 2528.
สมัย สุทธิธรรม. อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท. กรุงเทพฯ : บริษัท ต้นอ้อ 1999 จำกัด, 2546.
สุมิตร ปิติพัฒน์. บ้านผือ ร่องรอยจากอดีต. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2520.
สุรีรัตน์ บุบผา. “การศึกษาเปรียบเทียบแหล่งศิลปะถ้ำระหว่างกลุ่มผาแต้มกับกลุ่มบ้านผือ.” สารนิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิต (โบราณคดี) คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2539.
อรุณศักดิ์ กิ่งมณี และคณะ. ภูพระบาท : อดีตกาลผสานธรรมชาติ. เอกสารประกอบการอบรมยุวมัคคุเทศก์ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท (พ.ศ. 2543) ณ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี 13-15 มี.ค. 2543. อุดรธานี : อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จ.อุดรธานี สำนักโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ 7 ขอนแก่น, 2543.
อรุณศักดิ์ กิ่งมณี และคณะ. อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท อุดรธานี. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2542.