โพสต์เมื่อ 23 ก.ย. 2021
ชื่ออื่น : บ้านจาเละ, ชุมชนโบราณยะรัง
ที่ตั้ง : บ้านจาเละ ม.3 และ ม.4
ตำบล : ยะรัง
อำเภอ : ยะรัง
จังหวัด : ปัตตานี
พิกัด DD : 6.765321 N, 101.303576 E
เขตลุ่มน้ำหลัก : ปัตตานี
เขตลุ่มน้ำรอง : บ้านดอนหวาย, บ้านปาหนัน
เมืองโบราณยะรังตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี มีเส้นทางเข้าสู่แหล่งโบราณคดีได้ 2 ทางคือ
- ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 410 (ปัตตานี–ยะลา) จากจังหวัดปัตตานี ประมาณ 15 กิโลเมตร ถนนจะเลียบแนวคูเมืองทางทิศตะวันตกทางด้านเหนือลงไปและผ่านที่ว่าการอำเภอเมืองยะรัง ห่างจากจังหวัดยะลา ประมาณ 24กิโลเมตร
- ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 4016 แยกจากอำเภอยะรังไปอำเภอมายอ ถนนตัดผ่านคูเมืองทางด้านทิศตะวันตกเข้าสู่กลางเมืองโบราณและตัดผ่านคูเมืองโบราณบ้านจาเละไปทางทิศตะวันออก
ปัจจุบันกลุ่มเมืองโบราณยะรังหรือชุมชมโบราณยะรังเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยว สามารถเข้าเยี่ยมชนได้ทุกวัน นอกจากนี้ยังศูนย์ข้อมูลเมืองโบราณยะรัง ซึ่งอยู่ในความดูแลของเทศบาลตำบลยะรัง ภายในมีห้องแสดงนิทรรศการแบบกึ่งถาวร ห้องสมุดสำหรับการศึกษาค้นคว้าของประชาชนในท้องถิ่น และมีเจ้าหน้าที่ให้ความรู้-คำแนะนำต่างๆ เกี่ยวกับชุมชนโบราณยะรัง
ผู้สนใจเข้าเยี่ยมชมเป็นหมู่คณะสามารถติดต่อผู้นำชมได้ที่เทศบาลตำบลยะรัง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ในวันและเวลาราชการ ที่เบอร์โทรศัพท์ 073-439-497
กรมศิลปากร, เทศบาลตำบลยะรัง
เมืองโบราณบ้านจาเละยังไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนโบราณสถานครอบคลุมเมือง แต่มีการขึ้นทะเบียนและกำหนดเขตที่ดินโบราณสถานบ้านจาเละหมายเลข 2, 3 และ 8 โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 116 ตอนพิเศษ 7ง เมื่อวันที่ 22 มกราคม พ.ศ.2542
เมืองโบราณบ้านจาเละเป็นเมืองโบราณ 1 ใน 3 เมืองของชุมชนโบราณยะรัง อยู่ระหว่างเมืองโบราณบ้านวัดและเมืองโบราณบ้านประแว
เมืองโบราณบ้านจาเละเป็นเมืองที่มีคูน้ำล้อมรอบสามด้าน คือ ทิศเหนือเป็นคูขุดมีลักษณะแคบและลึก ทิศตะวันออกอาศัยทางน้ำธรรมชาติและทิศใต้ขุดขนานตามทิศทางภูมิศาสตร์ ลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมซ้อนทับกันในพื้นที่ทางทิศเหนือของเมืองโบราณบ้านวัด คูเมืองด้านทิศตะวันออกผ่านกลางกลุ่มโบราณสถานบ้านจาเละและหักเป็นมุมเข้าสู่คูเมืองทางด้านทิศใต้ไปออกทางน้ำธรรมชาติทางด้านทิศตะวันตก
สภาพภายในเมืองเป็นที่ราบลุ่มสามารถรองรับน้ำจากคูเมืองและที่ลุ่มทางตอนใต้ในฤดูฝนก่อนจะระบายน้ำลงทางทิศตะวันตกและที่ลุ่มต่ำทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มีพื้นที่ดอนสลับเป็นหย่อมๆ (ภัควดี อยู่คงดี และพรทิพย์ พันธุโกวิทย์ 2535 : 87)
อยู่ในเขตอิทธิพลของลุ่มแม่น้ำปัตตานีและทางน้ำรองบ้านดอนหวายและบ้านปาหนันซึ่งเป็นแขนงแยกของแม่น้ำปัตตานีเก่าทางตะวันออก (ปัจจุบันเหลือหลักฐานให้เห็นแค่เป็นทางน้ำเก่า)
เป็นที่ราบที่เกิดจากการทับถมของตะกอนแม่น้ำปัตตานีในยุคซีโรโซอิก (Cenozoic) โดยเป็นการทับถมทั้งตะกอนแม่น้ำพัดพา (สำนักงานโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ 10 สงขลา 2541 : 13)
ชื่อผู้ศึกษา : อนันต์ วัฒนานิกร
ปีที่ศึกษา : พ.ศ.2496, พ.ศ.2509
วิธีศึกษา : สำรวจ
ผลการศึกษา :
ช่วง พ.ศ.2496-2509 มีการสำรวจ รวบรวมโบราณวัตถุ และบันทึกตำแหน่งโบราณสถานทั้งหมด 31 แหล่ง โดยรวมถึงเมืองโบราณบ้านจาเละชื่อผู้ศึกษา : กรมศิลปากร
ปีที่ศึกษา : พ.ศ.2531, พ.ศ.2532, พ.ศ.2533, พ.ศ.2534, พ.ศ.2535, พ.ศ.2536, พ.ศ.2545, พ.ศ.2547, พ.ศ.2548
วิธีศึกษา : สำรวจ, บูรณปฏิสังขรณ์, ขุดแต่ง, ทำผัง
องค์กรร่วม / แหล่งทุน : กรมศิลปากร
ผลการศึกษา :
หน่วยศิลปากรที่ 9 สงขลา หรือสำนักศิลปากรที่ 13 สงขลา กรมศิลปากร ในปี พ.ศ.2531 มีการสำรวจและทำผังเมืองโบราณบ้านประแวและเมืองโบราณบ้านจาเละและโบราณสถาน พบโบราณสถานประมาณ 15 แหล่ง, ทำการขุดแต่งโบราณสถานจาเละหมายเลข 3 และจัดทำรายงานชื่อ รายงานสังเขปผลการปฏิบัติงานทางด้านวิชาการโครงการขุดแต่งและบูรณะโบราณสถานเมืองยะรัง จังหวัดปัตตานี โดยกล่าวถึงผลการขุดค้นที่บ้านจาเละหมายเลข 3 ว่ามีความคล้ายคลึงกับศิลปะทวารวดีทางภาคกลางของประเทศไทย ในปี พ.ศ.2532-2533 มีการสำรวจและทำผังบริเวณบ้านวัด พบโบราณสถานในเมืองยะรังประมาณ 20 แหล่ง, ทำการขุดแต่งโบราณสถานจาเละหมายเลข 3 ต่อ ในปี พ.ศ.2534 ทำการวิเคราะห์โบราณวัตถุจากโบราณสถานบ้านจาเละหมายเลข 3 และวางแผนจัดทำแผนแม่บท ในปี พ.ศ.2535 ขุดแต่งโบราณสถานจาเละหมายเลข 2 และ 8 ในปี พ.ศ.2536 บำรุงรักษาโบราณสถานบ้านจาเละหมายเลข 2, 3 และ 8 ที่ได้รับการขุดแต่งแล้วและทำการเก็บข้อมูลโบราณวัตถุที่ได้จากการขุดค้น วางแผนจัดทำแผนแม่บทสำหรับการอนุรักษ์ และจัดทำหนังสือ การสำรวจเมืองโบราณยะรัง โดยกล่าวว่าจากการสำรวจแหล่งโบราณสถานในเมืองยะรังมีทั้งหมด 34 แหล่ง แบ่งแหล่งโบราณคดีออกเป็น 3 กลุ่ม คือ บ้านวัด บ้านจาเละและบ้านประแว ในปี พ.ศ.2545 บูรณะโบราณสถานบ้านจาเละหมายเลข 3 ในปี พ.ศ.2547 บูรณะโบราณสถานบ้านจาเละหมายเลข 3 และหมายเลข 8 ในบางส่วน พ.ศ.2548 ทำการอนุรักษณ์ปฏิสังขรณ์โบราณสถานที่ทำการขุดแต่งแล้วในเมืองโบราณยะรังและบูรณะโบราณสถานบ้านจาเละหมายเลข 8 ขนาด 7.80x13.50 เมตรและจัดพิมพ์หนังสือแผนแม่บทโครงการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองยะรัง จังหวัดปัตตานี ฉบับปรับปรุง สรุปสาระทั้งหมดที่ได้จากการศึกษาขุดค้นแหล่งโบราณคดีชุมชนโบราณยะรังว่าเป็นเมืองโบราณตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 12 จนถึงช่วงพุทธศตวรรษที่ 21 ร่วมสมัยอยุธยา พบโบราณสถานไม่น้อยกว่า 40 แห่ง นอกจากนี้ในหนังสือเล่มนี้ยังกล่าวถึงแผนการดำเนินงานการอนุรักษ์เมืองโบราณยะรังในอนาคตชื่อผู้ศึกษา : สมหมาย ช่างเขียน, พวงทิพย์ แก้วทับทิม
ปีที่ศึกษา : พ.ศ.2540
วิธีศึกษา : กำหนดอายุทางวิทยาศาสตร์
องค์กรร่วม / แหล่งทุน : มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
ผลการศึกษา :
สมหมาย ช่างเขียน และพวงทิพย์ แก้วทับทิม แห่งมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี กำหนดอายุของโบราณสถานด้วยทางวิทยาศาสตร์โดยวิธีเทอร์โมลูมิเนสเซนซ์ โดยใช้ตัวอย่างจากสถูปดินเผาและอิฐ พบว่าโบราณวัตถุประเภทสถูปมีอายุ 579±17 B.P. ส่วนโบราณวัตถุประเภทอิฐมีอายุ 538±15 B.P. โดยผลไม่แตกต่างจากการหาค่าอายุ C14 dating สามารถกำหนดอายุแหล่งโบราณสถานแห่งนี้ว่ามีอายุ 523-596 B.P. (สมหมาย ช่างเขียน และพวงทิพย์ แก้วทับทิม 2540 : 15)ชื่อผู้ศึกษา : กรมศิลปากร
ปีที่ศึกษา : พ.ศ.2540
องค์กรร่วม / แหล่งทุน : กรมศิลปากร
ผลการศึกษา :
กรมศิลปากรจัดทำแผนแม่บทโครงการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองโบราณยะรัง จังหวัดปัตตานี แล้วเสร็จในปี พ.ศ.2540ปีที่ศึกษา : พ.ศ.2540
องค์กรร่วม / แหล่งทุน : กรมศิลปากร, กรมการปกครอง, เทศบาลตำบลยะรัง
ผลการศึกษา :
วันที่ 15 กันยายน พ.ศ.2546 มีพิธีเปิดศูนย์ข้อมูลเมืองโบราณยะรัง ที่จัดทำขึ้นโดยกรมศิลปากร โดยอาคารศูนย์ข้อมูลเป็นอาคารที่ว่าการอำเภอยะรังหลังเดิมที่กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย มอบให้ ภายในมีห้องแสดงนิทรรศการแบบกึ่งถาวร และห้องสมุดสำหรับการศึกษาค้นคว้าของประชาชนในท้องถิ่น นอกจากนี้ในวันเดียวกันยังมีพิธีมอบภารกิจการบริหารจัดการศูนย์ข้อมูลเมืองโบราณยะรังให้แก่เทศบาลตำบลยะรัง อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานีเมืองโบราณบ้านจาเละอยู่ถัดจากเมืองโบราณบ้านวัดขึ้นมาทางทิศเหนือ สันนิษฐานว่าเป็นชุมชนที่ขยายมาจากชุมชนบ้านวัดในช่วงแรก ผังเมืองมีลักษณะคูน้ำล้อมรอบสามด้าน คือ ทิศเหนือเป็นคูขุดมีลักษณะแคบและลึก ทิศตะวันออกอาศัยทางน้ำธรรมชาติและทิศใต้ ขุดขนานตามทิศทางภูมิศาสตร์ ศูนย์กลางของเมืองคือสระน้ำขนาดใหญ่ขุดเป็นรูปสี่เหลี่ยมภายในลดระดับเป็นตะพัก ตัวโบราณสถานกระจายอยู่ทางทิศเหนือของสระน้ำ พบโบราณสถานมากกว่า 10 แห่ง องค์ประกอบสำคัญของเมืองโบราณบ้านจาเละ มีดังนี้
- กลุ่มโบราณสถานอิฐ 5 หลังในคูน้ำรูปวงรีของเมือง วางตัวในแนวทิศเหนือและใต้ขนาบกัน 2 แนว คือ โบราณสถานหมายเลข 1 – 2- 3 และ 8-9 โดยมีคูเมืองบ้านจาเละตัดผ่านทำให้แยกเป็น 2 พื้นที่ (พรทิพย์ พันธุโกวิท 2547 : 2)
- เนินสิ่งก่อสร้างอิฐกระจายตัวทางด้านทิศตะวันตก ตะวันตกเฉียงเหนือและทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของคูน้ำรูปวงรีจำนวน 6 แห่ง
- สระน้ำโบราณรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของคูน้ำรูปวงรี
- แนวคันดินเมืองจาเละ ด้านทิศเหนือ ตะวันออกและทางด้านทิศใต้
- สิ่งก่อสร้างคล้ายป้อม 2 แห่งทางตะวันออกเฉียงเหนือและทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของคูน้ำรูปวงรี
ปัจจุบันกรมศิลปากรทำการขุดแต่งแล้วทั้งหมด 3 แห่ง คือ โบราณสถานจาเละหมายเลข 2, 3 และ 8 โดยได้ผลการปฏิบัติงานดังนี้
โบราณสถานบ้านจาเละหมายเลข 2 เป็นฐานอาคารก่ออิฐไม่สอปูนอยู่ในสภาพชำรุด ผังเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสด้านละ 7 เมตร มีมุขสี่เหลี่ยมต่อมาทางด้านทิศตะวันออก ผนังทางด้านทิศใต้ก่ออิฐลักษณะคล้ายส่วนค้ำยันรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากการต่อเติมในสมัยหลัง โบราณวัตถุที่ได้จากการขุดแต่ง ได้แก่ เศษภาชนะดินเผา พวยกา เศษชิ้นส่วนสถูปจำลองหลายพันชิ้น อิฐดินเผาที่มีร่องรอยการขัดแต่งและอิฐที่ไม่มีร่องรอยการขัดแต่ง(พรทิพย์ พันธุโกวิท 2547 : 3)
โบราณสถานบ้านจาเละหมายเลข 3 เป็นซากอาคารก่ออิฐขัดผิวไม่สอปูนอยู่ในสภาพชำรุด ผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาด 13.5 เมตร หันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีส่วนประกอบ 2 ส่วน คือ
1.ส่วนฐานอาคารรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสเพิ่มมุมเป็นมุขที่กึ่งกลางฐานและมุมฐานทั้ง 4 ด้าน มุขทางด้านตะวันออกมีขนาดใหญ่ก่อเป็นลานคล้ายแท่น ฐานอาคารก่อเป็นฐานเขียงสองชั้น รับด้วยมาลัยลูกแก้วและแถวลายเม็ดประคำเหลี่ยม ด้านบนสร้างเป็นอาคารผนังเลียนแบบอาคารไม้ประกอบด้วยชั้นบัวหงายรองรับเสาหลอกรูปกลมขนาดเล็กและเสาหน้าต่างหลอกรูปสี่เหลี่ยม ด้านบนของหน้าต่างหลอกมีรางน้ำหินทรายและมุมมุขทั้งสี่ด้านประดับด้วยสถูปจำลองอาคารทรงกลม
2.ส่วนอาคารมีผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดกว้าง 8.25 เมตร ต่อมุขยื่นออกไปทั้ง 4 ด้านเป็นรูปกากบาท ฐานตัวอาคารก่อเป็นฐานเขียง 2 ชั้น ต่อด้วยมาลัยลูกแก้ว แถวเม็ดประคำเหลี่ยมและชั้นบัวคว่ำบัวหงาย ด้านบนพังทลาย ส่วนกลางของอาคารเป็นห้องสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดกว้าง 5 เมตร มีช่องเข้าทางทิศตะวันออก ภายในมีแท่นขนาด 1.35 เมตร โดยพื้นที่ระหว่างตัวฐานอาคารและอาคารเป็นลานประทักษิณ
โบราณวัตถุที่ได้จากการขุดแต่ง ได้แก่ รางน้ำหินทราย หินกรวดแม่น้ำ อิฐเผาไฟขนาดต่างๆทั้งที่มีรอยขัดและไม่มีรอบขัดแต่ง พระพิมพ์ดินดิบจำนวน 5,816 ชิ้น, ชิ้นส่วนสถูปจำลองที่ทำจากดินดิบจำนวน 250 ชิ้น, ชิ้นส่วนจำลองสถูปที่ทำจากดินเผาจำนวน 482,157 ชิ้น, พระพิมพ์ดินเผา 2 ชิ้น, พระโพธิสัตว์อวโลติเกศวรสำริดอิทธิพลปาละ 1 ชิ้นและแผ่นทองรูปกลมแบน เป็นต้น จากรูปแบบสถาปัตยกรรมสันนิษฐานว่าน่าจะมีการก่อสร้างตัวอาคารสองสมัย โดยอิฐที่ฐานมีความปราณีตกว่าอิฐตัวอาคาร ตัวอาคารส่วนบนน่าจะมีการขึ้นไปประกอบพิธีกรรมได้ต่อมาเมื่อสภาพภายในอาคารไม่อำนวยจึงมีการก่ออิฐปิดบันไดขึ้นลง จากโบราณวัตถุที่พบร่วม เช่น พระพิมพ์ (พบเฉพาะในห้องกลางของโบราณสถาน) สันนิษฐานว่าอาจมีการใช้งานโบราณสถานแห่งนี้มาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 12 และมีการมาใช้งานในพื้นที่นี้อีกครั้งในช่วงพุทธศตวรรษที่ 15-16 ดังจะเห็นได้จากโบราณวัตถุ เช่น สถูปจำลองศิลปะปาละกำหนดราวพุทธศตวรรษที 15-16 (พรทิพย์ พันธุโกวิท 2547 : 3-4) โดยมีผลจากการหาค่าอายุทางวิทยาศาสตร์โบราณวัถตุประเภทสถูปที่ได้ค่าอายุ 579±17 B.P. และโบราณวัตถุประเภทอิฐมีอายุ 538±15 B.P. (สมหมาย ช่างเขียน และพวงทิพย์ แก้วทับทิม 2540 : 15)
โบราณสถานบ้านจาเละหมายเลข 8 เป็นฐานของอาคารแผนผังสี่เหลี่ยมจัตุรัสซ้อนกัน 2 ชั้น หันหน้าไปทางทิศตะวันตก มีองค์ประกอบ 3 ส่วน คือ
1.ฐานอาคารรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสก่ออิฐไม่สอปูน ขนาดด้านละ 14 เมตร เป็นฐาน 2 ชั้นรองรับผนังที่มีการตกแต่งด้วยเสาหลอกรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็กเลียนแบบอาคารไม้ทั้ง 4 ด้าน
2.ตัวปราสาทมีผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมขนาดด้านละ 8 เมตรเป็นอาคารชั้นในสุด มีมุขยื่นออกไปทางทิศตะวันออกก่ออิฐคล้ายแท่นบูชา ส่วนกลางของอาคารเป็นห้องสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดกว้างด้านละ 5 เมตรแต่ไม่มีทางเข้าไปทำพิธีกรรม พบฐานเสาหินรูปกลมตรงกลาง
3.อาคารโถงหน้า ต่อเติมมาทางด้านหน้าทางด้านทิศตะวันตกขนาดกว้างด้านละ 8 เมตร เชื่อมต่อกับอาคารชั้นกลางสำหรับเป็นลานประทักษิณ มีแท่นก่ออิฐรูปสี่เหลี่ยมสำหรับวางประติมากรรมรูปวัวทำจากหินศิลาทรายแดง
โบราณวัตถุที่ได้จากการขุดแต่งโบราณสถานบ้านจาเละหมายเลข 8 ได้แก่ เศียรพระโพธิสัตว์สำริด ภาชนะดินเผา ฝาหม้อดินเผารูปเตา ประติมากรรมวัวทำจากหินศิลาทรายแดง เชิงเทียน แจกันดินเผา เศษชิ้นส่วนสถูปจำลอง เป็นต้น (ภัควดี อยู่คงดีและพรทิพย์ พันธุโกวิธ 2538 : 266 -268)
จากการขุดแต่งบูรณะเมืองโบราณยะรังพบจารึกที่ปรากฏบนโบราณวัตถุบนสถูปและพระพิมพ์ โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
1.โบราณวัตถุประเภทสถูปขนาดเล็ก หรือ สถูปิกะ ทำจากดินเผา มักปรากฏจารึกบนฐานด้านนอกและด้านใน
2.โบราณวัตถุประเภทสถูปพิมพ์ดินดิบทำเป็นภาพนูนตำ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ รูปสถูปองค์เดียวเหนืออักษรจารึกและรูปสถูปสามองค์เหนืออักษรจารึก
3.โบราณวัตถุประเภทพระพิมพ์ ทำเป็นภาพนูนต่ำรูปพระพุทธเจ้าประทับนั่งสมาธิราบเหนือปัทมบัลลังก์อยู่ตรงกลาง มีสถูปขนาบ 2 ด้าน ด้านล่างมีอักษรจารึก
ตัวอักษรที่พบเป็นภาษาปัลลวะ ภาษาสันสกฤต กำหนดอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 12 ข้อความที่ปรากฏ ได้แก่ คาถา “เยธมฺมาฯ” แปลว่า ธรรมใดมีเหตุเป็นแดนเกิด พระตถาคต ตรัสเหตุและความดับทุกข์แห่งธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณะมีปกติตรัสดังนั้น และ ขสมนาย “นิโรธมารเค” แปลว่าในทางดับ โดยนัย (แห่งพระดำรัส) มีความหมายเน้นข้อหลักธรรม อันน้อมไปสู่ความหลุดพ้น โดยประสงค์ที่จะแสดงให้เห็นว่าพระเถระสงฆ์ผู้มรณภาพนั้น ดำเนินไปในทางแห่งความดับทุกข์ (ก่องแก้ว วีระประจักษ์ 2533 : 35 -50)
สรุปความสำคัญของเมืองโบราณบ้านจาเละ เมืองโบราณบ้านจาเละผังเมืองมีลักษณะคูน้ำล้อมรอบสามด้าน ปรากฏหลักฐานเนินโบราณสถานมากกว่า 10 แห่ง จากหลักฐานทางด้านโบราณคดีสันนิษฐานว่าบริเวณบ้านจาเละอาจเป็นศูนย์กลางทางพุทธศาสนาตั้งแต่ช่วงพุทธศตวรรษที่ 12 และพัฒนามาเป็นศูนย์กลางของพุทธมหายานในช่วงพุทธศตวรรษที่ 14-16 และมีความเชื่อในการสร้างและบูชาสถูปซึ่งถือเป็นสถูปเนื่องในศาสนาพุทธมหายานที่เก่าที่สุดในประเทศไทย การใช้พื้นที่ภายในเมือง อาจมีการแบ่งพื้นที่ตามกิจกรรมและคติความเชื่อ การสร้างโบราณสถานตั้งในแนวเหนือใต้และคูน้ำรูปวงรีล้อมรอบพุทธสถานอิฐสะท้อนให้เห็นถึงการกำหนดเขตพุทธสถานด้วยอุทกเสมาซึ่งอาจเป็นแหล่งที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย ส่วนสระน้ำขนาดใหญ่อาจนำไว้ใช้เพื่ออุปโภค บริโภค หรือประกอบพิธีกรรมของเมือง ส่วนความแตกต่างของทิศทางในการหันหน้าของตัวโบราณสถาน เช่น โบราณสถานบ้านจาเละภายเลข 3 สถูปหันหน้าออกทางทิศตะวันออก และโบราณสถานบ้านจาเละหมายเลข 8 หันหน้าออกทางทิศตะวันตกอาจสะท้อนให้เห็นถึงการสร้างตามคติความเชื่อหรือความสะดวกในการคมนาคม จากการสำรวจพบภาชนะดินเผาบริเวณรอบสระน้ำกำหนดโดยคร่าวอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18-22 เป็นหลักฐานว่าอาจมีการใช้งานบริเวณเมืองโบราณบ้านจาเละในสมัยต่อมา
ก่องแก้ว วีระประจักษ์. “วิเคราะห์จารึกเมืองยะรัง” ศิลปวัฒนธรรม 33, 6 (มกราคม-กุมภาพันธ์ 2533) : 35-50.
ภัคพดี อยู่คงดี และพรทิพย์ พันธุโกวิท. “โบราณสถานและโบราณวัตถุจากการขุดแต่งโบราณสถานบ้านจาเละ กลุ่มเมืองโบราณยะรัง จังหวัดปัตตานี” ใน การประชุมทางวิชาการระดับนานาชาติฝรั่งเศส-ไทยครั้งที่ 3 พัฒนาการของรัฐในประเทศไทยจากหลักฐานทางโบราณคดี. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2538 : 266–278.
ทิวา ศุภจรรยา และกฤษณพล วิชชุพันธ์. “สภาพแวดล้อมการตั้งถิ่นฐานชุมชนโบราณเมืองยะรัง จังหวัดปัตตานี” ใน การประชุมทางวิชาการระดับนานาชาติฝรั่งเศส-ไทยครั้งที่ 3 พัฒนาการของรัฐในประเทศไทยจากหลักฐานทางโบราณคดี. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2538 : 279 -292.
พรทิพย์ พันธุโกวิทย์. “การวิเคราะห์โบราณสถานในเมืองยะรัง” ใน วันนี้ของโบราณคดีไทย. (การประชุมสัมมนาทางวิชาการโบราณคดีปี 2547 วันที่ 17-18 สิงหาคม 2547 ณ ห้องประชุมใหญ่ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร). ม.ท.ป., 2547 : 1 -18.
สมหมาย ช่างเขียน และพวงทิพย์ แก้วทับทิม. การหาค่าอายุโบราณวัตถุประเภทเครื่องปั้นดินเผาโดยวิธีเทอร์โมลูมิเนสเซนซ์บริเวณเมืองโบราณยะรัง อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี. ปัตตานี : มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี, 2540.
สำนักงานโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ 10 สงขลา กรมศิลปากร. รายงานการสำรวจ ศึกษา ค้นคว้า การตั้งถิ่นฐานสมัยแรกเริ่มประวัติศาสตร์และประวัติศาสตร์ลุ่มแม่น้ำปัตตานีและสายบุรี. สงขลา : สำนักงานโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ 10, 2543.
สำนักศิลปากรที่ 13 สงขลา สำนักโบราณคดี กรมศิลปากร. แผนแม่บทโครงการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองยะรัง จังหวัดปัตตานี (ฉบับปรับปรุง). กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์สมาพันธ์, 2548.
ศิริพร ลิ่มวิจิตรวงศ์. “พัฒนาการทางสังคมและวัฒนธรรมของชุมชนโบราณในเขตพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทยก่อนพุทธศตวรรษที่ 19” วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (โบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์) บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2553.