โพสต์เมื่อ 8 ต.ค. 2021
ชื่ออื่น : วัดตำแย
ที่ตั้ง : ม.1 บ้านตำแย
ตำบล : ไร่น้อย
อำเภอ : เมือง
จังหวัด : อุบลราชธานี
พิกัด DD : 15.268756 N, 104.865604 E
เขตลุ่มน้ำหลัก : มูล
เขตลุ่มน้ำรอง : ห้วยวังนอง
วัดตำแยหรือวัดบ้านตำแย ตั้งอยู่ในตัวจังหวัดอุบลราชธานี ในซอยชยางกูร 42 ถนนชยางกูร โดยแยกถนนชยางกูรตัดกับถนนเลี่ยงเมือง ให้มุ่งหน้าลงทิศใต้สู่ตัวจังหวัดอุบลราชธานี ประมาณ 300 เมตร พบซอยชยางกูร 42 ทางซ้ายมือ เลี้ยวซ้ายเข้าซอยไปประมาณ 2.5 กิโลเมตร ถึงวัดบ้านตำแย
วัดบ้านตำแยมีประวัติความเป็นมาเกี่ยวเนื่องอย่างใกล้ชิดกับประวัติท้องถิ่นเมืองอุบลราชธานี สิมวัดบ้านตำแยเป็นโบราณสถานที่ได้รับการบูรณะจากกรมศิลปากรจนมีสภาพมั่นคงแข็งแรง แต่ยังมีบางชิ้นส่วนไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะส่วนหางหงส์ที่พบวางอยู่ข้างบันไดทางขึ้นสิม นอกจากนี้ขณะสำรวจยังพบเศษวัสดุจากการก่อสร้างศาลาการเปรียญที่ตั้งอยู่ด้านข้าง (ด้านทิศเหนือ) วางกองอยู่โดยรอบ ส่งผลต่อทัศนียภาพโบราณสถานโดยรวม
ศาลาการเปรียญที่กำลังก่อสร้างประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่มาก ด้านหน้าศาลามีบ่อน้ำขนาดใหญ่ เลี้ยงปลาไว้จำนวนมาก สามารถทำบุญซื้ออาหารปลาได้ ผู้สนใจสามารถเข้าเยี่ยมชมโบราณสถานได้ทุกวัน โดยไม่เสียค่าเข้าชม มีป้ายให้ข้อมูลโบราณสถาน
วัดบ้านตำแย
กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนสิมวัดบ้านตำแยเป็นโบราณสถานของชาติในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 114 ตอนพิเศษ 80ง วันที่ 12 กันยายน 2540 เรื่อง ขึ้นทะเบียนโบราณสถานและกำหนดเขตที่ดินโบราณสถาน
วัดบ้านตำแยเป็นวัดที่ยังคงมีการใช้งานอยู่ในปัจจุบัน ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของตัวจังหวัดอุบลราชธานี ในพื้นที่รับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนตำบลไร่น้อย สภาพพื้นที่เป็นที่ราบลูกคลื่นลอนตื้น กลุ่มหินโคราช ตั้งอยู่ห่างจากห้วยวังนอง (ลำน้ำสาขาของแม่น้ำมูล) มาทางทิศตะวันตกประมาณ 1.3 กิโลเมตร ห่างจากแม่น้ำมูลมาทางทิศเหนือประมาณ 4.5 กิโลเมตร
แม่น้ำมูล, ห้วยวังนอง
ธรณีสัณฐานเป็นหินทรายในหมวดหินภูทอก กลุ่มหินโคราช
ชื่อผู้ศึกษา : กรมศิลปากร
ปีที่ศึกษา : พ.ศ.2545
วิธีศึกษา : บูรณปฏิสังขรณ์
องค์กรร่วม / แหล่งทุน : กรมศิลปากร
ผลการศึกษา :
กรมศิลปากรดำเนินการบูรณะสิมเมื่อ พ.ศ.2545 งบประมาณ 1,200,000 บาทชื่อผู้ศึกษา : พรรณธิพา สุวรรณี
ปีที่ศึกษา : พ.ศ.2556
วิธีศึกษา : สำรวจ, ประวัติศาสตร์ศิลปะ
องค์กรร่วม / แหล่งทุน : ม.ศิลปากร
ผลการศึกษา :
พรรณธิพา สุวรรณี เสนอสารนิพนธ์เรื่อง “สิมพื้นแบบบ้านภาคอีสานในเขตเมืองอุบลราชธานี” วัตถุประสงค์หลักคือเพื่อศึกษารูปแบบและเอกลักษณ์สถาปัตยกรรมของสิมพื้นบ้าน ศึกษาความสัมพันธ์ด้านศิลปกรรม ศึกษาคุณค่าและการเปลี่ยนแปลงของสิมพื้นบ้านวัดบ้านตำแยปัจจุบันเป็นวัดราษฎร์ สังกัดมหานิกาย ไม่ปรากฏหลักฐานการก่อตั้งวัดที่แน่ชัด แต่จากตัวอักษรไทยน้อย ภาษาอีสานผสมกับภาษาบาลีที่เขียนอยู่ที่ผนังด้านนอกเหนือประตูทางเข้าสิมระบุว่า สิมหลังนี้สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ.2417 โดยญาคูทา สมเด็จชาดา ภิกษุ สารเณร และอุบาสก ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ.2533
โบราณสถานสำคัญของวัดบ้านตำแยได้แก่ สิม ลักษณะโดยทั่วไปของสิมเป็นอาคารทึบ ขนาดเล็ก ก่ออิฐถือปูน แผนผังรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 3 ห้อง หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ด้านหน้ามีมุขโถงที่มีพนักล้อมรอบ ยกเว้นตรงกลางพนักหน้าที่เว้นช่องสำหรับเป็นบันไดซึ่งเป็นทางขึ้นลงเดียวของสิมหลังนี้ ด้านหน้ามีเสา 2 ต้นรองรับส่วนหลังคา ลักษณะเป็นเสาไม้กลม
ส่วนฐานสิมเป็นฐานเอวขันหรือบัวงอนแบบล้านช้าง แต่ลักษณะไม่อ่อนช้อยดังเช่นศิลปะล้านช้าง จึงสันนิษฐานว่าเป็นรูปแบบของท้องถิ่น ฐานล่างสุดเป็นฐานเขียงซ้อนกัน 3 ชั้น ถัดขึ้นไปเป็นฐานบัวคว่ำ ท้องไม้คาดลูกแก้วอกไก่ ถัดขึ้นไปเป็นบัวหงาย บัวคว่ำ (ไม่มีท้องไม้) และจบด้วยเส้นรองรับผนังสิม ลักษณะปลายลวดบัวทั้งหมดสะบัดปลายงอน
ผนังสิมทั้ง 2 ด้านมีการเจาะช่องด้านหน้าต่างด้านละ 1 ช่อง ผนังด้านหลังก่อทึบ ผนังด้านหน้ามีประมาณทางเข้าตรงกลาง 1 ช่อง บานหน้าต่างและประตูทั้งหมดเป็นบานไม้ ไม่มีลวดลาย แต่มีการสลักลวดลายดอกไม้ที่อกเลา (ที่นมบน นมกลาง และนมล่าง)
ผนังด้านหน้าเหนือกรอบประตู (ด้านนอก) ปรากฏการเขียนตัวอักษรไทยน้อย ซึ่งจากการศึกษาของผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านมาทำให้ได้ข้อมูลว่าเป็นการกล่าวถึงผู้สร้างและปีที่สร้างพระพุทธรูปประธานของวัดและการสร้างสิม (พรรณธิพา สุวรรณี 2556 : 41-48)
หลังคาสิมเป็นหลังคาทรงจั่วเพียงชั้นเดียว ส่วนปลายจั่วมีลักษณะแอ่นโค้งเล็กน้อยคล้ายศิลปะลาว มุงด้วยแผ่นกระเบื้องดินเผา แบบกระเบื้องเกล็ดปลา (เดิมมุงด้วยแป้นเกล็ด)
แป้นลมมีลักษณะเป็นแผ่นไม้เรียบตรงทอดตัวยาวตามแนวหลังคาทรงจั่ว เรียกว่า ตัวรวย (แสดงถึงอิทธิพลศิลปะลาว) และประดับด้วยใบระกา (อิทธิพลภาคกลาง)
โหง่ เป็นไม้แกะสลัก มีรูปแบบอย่างช่อฟ้าในสถาปัตยกรรมไทยภาคกลาง แต่มีลักษณะสะบัดโค้งส่วนปลายมากกว่า ส่วนคันดกหรือหางหงส์พบวางอยู่ข้างบันไดทางขึ้นสิม 3 ชิ้น เป็นไม้แกะสลักเป็นรูปพญานาค
สีหน้าหรือหน้าบัน มีลักษณะเป็นหน้าบันไม้ลายไม้ตั้ง ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับลายพื้นถิ่นอีสาน
แขนนางหรือคันทวย ประดับผนังด้านละ 5 ตัว เป็นคันทวยไม้แกะสลักรูปพญานาคมีปีก ลักษณะม้วนคดโค้งไปมา เศียรพญานาคอยู่ด้านล่าง หางอยู่ด้านบนสลักเป็นลายกนก ตามลำตัวพญานาคมีการสลักครีบตามลำตัว มีเต้ารับด้านล่าง (พรรณธิพา สุวรรณี 2556 : 41-48)
ภายในสิมแห่งนี้ไม่มีฐานชุกชี ผนังทั้งด้านในและด้านนอกไม่มีภาพจิตรกรรม ยกเว้นการเขียนตัวอักษรที่ผนังด้านนอกหน้าสิมดังที่กล่าวข้างต้น
พรรณธิพา สุวรรณี. “สิมพื้นแบบบ้านภาคอีสานในเขตเมืองอุบลราชธานี.” สารนิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิต (ประวัติศาสตร์ศิลปะ) คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2556.