ม.1 ต.ปากน้ำแหลมสิงห์ อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยกองทหารฝรั่งเศสสร้างขึ้นเพื่อเป็นกองบัญชาการและที่พักนายทหารที่รักษาปากน้ำแหลมสิงห์ เมื่อสมัยฝรั่งเศสยึดเมืองจันทบุรี (พ.ศ.2436) ลักษณะเป็นอาคารก่ออิฐถือปูนชั้นเดียวทาสีแดง จึงถูกเรียกว่าตึกแดง
ต.ศรีภูมิ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยใด แต่หลักฐานเก่าสุดคือจารึกฐานพระพุทธรูปทองสำริดที่ประดิษฐานอยู่ในวิหารเป็นจารึกอักษรไทยยวน ภาษาไทยยวน กำหนดอายุอยู่ในช่วง พ.ศ.2039 ตรงกับสมัยพระเจ้ายอดเชียงรายครองเมืองเชียงใหม่
วัดบ้านฉางประชานิมิตร ต.เขาน้อย อ.ลำสนธิ จ.ลพบุรี เป็นสถานที่เก็บ “ศิลาจารึกขุนศรีไชยราชมงคลเทพ” ซึ่งจารึกถึงเหตุการณ์ยกทัพไปตีเมืองเขมรในรัชสมัยเจ้าสามพระยาแห่งกรุงศรีอยุธยา สันนิษฐานว่าจารึกขึ้นเมื่อ พ.ศ.1974 ซึ่งเป็นปีที่สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) เสด็จไปตีเมืองพระนครหลวงนั่นเอง
ต.ป่าเขาหินตัด อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา เป็นแหล่งวัตถุดิบหินทรายของคนโบราณในช่วงราวพุทธศตวรรษที่ 15-18 สำหรับใช้ในการก่อสร้างอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างต่างๆ โดยเฉพาะปราสาทในวัฒนธรรมเขมรในเขตอำเภอสีคิ้วและอำเภอสูงเนินในปัจจุบัน
ม.1 บ้านคูเมือง ต.คูเมือง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี อูบมุงเป็นซากโบราณสถานก่ออิฐในวัฒนธรรมขอมของเมืองโบราณบ้านคูเมือง ตั้งอยู่ห่างจากคูเมืองชั้นในของเมืองโบราณบ้านคูเมืองมาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 600 เมตร
ม.2 บ้านสระไข่น้ำ ต.กุดตุ้ม อ.เมืองชัยภูมิ จ.ชัยภูมิ, วัดสุลาลัย ต.โพนทอง อ.เมืองชัยภูมิ จ.ชัยภูมิ หลักฐานทางโบราณคดีที่พบอยู่ภายในวัดสุลาลัย หรือวัดสระไข่น้ำ (วัดสุลาลัยอยู่ในเขตตำบลโพนทอง แต่พื้นที่โดยรอบเป็นตำบลกุดตุ้ม) คือ เสมาหินทราย (สภาพสมบูรณ์และเกือบสมบูรณ์) 13 ใบ ฐานประติมากรรม 1 ฐาน
ม.11 บ้านถนนคต ต.สีคิ้ว อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ตามประวัติวัดกล่าวว่าวัดถนนคตก่อตั้งเมื่อ พ.ศ.2442 โดยชาวยวน โดยมีหลักฐานคือรูปแบบศิลปกรรมของอุโบสถ และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ 25 สิงหาคม พ.ศ.2464
ต.หัวทะเล อ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ สันนิษฐานได้ว่าโบราณสถานแห่งนี้น่าจะเป็นอาคารแบบปราสาทหินขนาดเล็กหรือกู่ในวัฒนธรรมเขมร ก่อขึ้นด้วยศิลาแลงและหินทราย (ส่วนฐานอาจเป็นศิลาแลง) หันด้านหน้าอาคารไปทางทิศตะวันออก
ต.หนองไผ่ อ.เมืองชัยภูมิ จ.ชัยภูมิ สันนิษฐานว่าปรางค์ดอนกู่เป็นอาคารที่ก่อสร้างขึ้นเป็นที่พักคนเดินทางหรือธรรมศาลาในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 อายุราวพุทธศตวรรษที่ 18
ต.ในเมือง (เทศบาลเมืองชัยภูมิ) อ.เมืองชัยภูมิ จ.ชัยภูมิ ปัจจุบันหลักฐานทางโบราณคดีของปราสาทอยู่ภายในวัดสระแก้วที่ถูกระบุว่าเป็นปราสาทเมืองน้อยใต้นั้น น่าจะเป็นปราสาทที่พังทลายลงหมดแล้ว ชิ้นส่วนประกอบสถาปัตยกรรมและโบราณวัตถุต่าง ๆ ถูกเก็บไว้ด้านในและนอกศาลาแปดเหลี่ยมภายในวัดสระแก้ว
อยู่ระหว่างบ้านโสกคร้อ และบ้านหนองฉิม ต.หนองฉิม อ.เนินสง่า จ.ชัยภูมิ จากรูปทรงโดยทั่วไปสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นฐานประติมากรรม อายุอยู่ในยุคประวัติศาสตร์ (สมัยทวารวดี-สมัยเขมร)
ต.บ้านชวน อ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ หินตั้ง ปัจจุบันบริเวณอยู่กลางคันนา การปักหินตั้งของคนโบราณมีวัตถุประสงค์เกี่ยวพันกับความเชื่อ สันนิษฐานว่ามีอายุก่อนพุทธศตวรรษที่ 19
อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ต.ศรีสัชนาลัย อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย
โรงเรียนบ้านชุมแพ ม.10 ถ.ชายทุ่ง บ้านชุมแพ ต.ชุมแพ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น
ตั้งอยู่ภายในอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท บ้านติ้ว ต.เมืองพาน อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ปรากฏลวดลายของภาพเขียนสียุคก่อนประวัติศาสตร์ 2 จุด เขียนเป็นภาพลายเส้นด้วยสีแดง มีลวดลายเป็นเส้นคู่ขนานคล้ายตัววาย (Y) กากบาท ภาพเส้นคดขนานกันหลายเส้น ลายรูปวงกลมที่มีเส้นคู่ขนานยื่นออกไป 6 ทิศทาง คล้ายกับพระอาทิตย์ นอกจากนี้ยังมีเส้นคู่ขนานที่เป็นตัวเชื่อมต่อกับภาพต่างๆ อีกด้วย