วัดมหาธาตุเป็นโบราณสถานภายในเมืองเชียงแสน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ปัจจุบันเป็นวัดร้าง ไม่ปรากฏประวัติหลักฐานการก่อสร้างุ แต่มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า วัดพระรอด โบราณสถานสำคัญภายใน ได้แก่ วิหารและมณฑป กำหนดอายุราวพุทธศตวรรษที่ 20-21
ต.เวียง (เทศบาลตำบลเวียงเชียงแสน) อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ตามตำนานพื้นเมืองเชียงแสนระบุว่าวัดอุดมสร้างโดยหมื่นอุดม ขุนนางผู้กินเมืองเชียงแสนใน พ.ศ.2029 กรมศิลปากรได้ขุดแต่งวัดอุดมเมื่อ พ.ศ.2549 พบอาคารที่สันนิษฐานว่าเป็นวิหารและมณฑป
ต.เวียง อ.เขียงแสน จ.เชียงราย วัดสบเกี๋ยงตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองเชียงแสนด้านทิศเหนือ วัดนี้ไม่ปรากฏประวัติการก่อสร้าง แต่คงเป็นวัดที่สำคัญแห่งหนึ่งของเมืองเชียงแสน เพราะใน พ.ศ.2292 ได้มีการราชาภิเษกเจ้าอาวาสวัดสบเกี๋ยงให้เป็นสังฆราชาของเมืองเชียงแสน
ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน ต.ท่าจีน อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร ไม่ทราบประวัติการก่อสร้างวัดกลางอ่างแก้วที่แน่ชัด จากเอกสารประวัติวัดทั่วราชอาณาจักรระบุว่าตั้งวัดเมื่อ พ.ศ.2410 โบราณสถานสำคัญ ได้แก่ อุโบสถเก่า ลักษณะเป็นอาคารไม้ทรงไทย หลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้อง ด้านข้างและด้านหลังมีชายคาปีกนก รองรับโครงหลังคาด้วยเสาไม้กลม ด้านหน้ามีมุขยื่นออกมา 1 ห้อง ช่อฟ้าใบระกาปูนปั้น หน้าบันด้านหน้าแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ หน้าบันหลังคา กับหน้าบันมุขด้านหน้า ตกแต่งด้วยลวดลายพันธุ์พฤกษา
ต.บางหญ้าแพรก อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร ตั้งเมื่อ พ.ศ.2435 โดยมีนายเฉย เป็นผู้ถวายที่ดิน ตั้งเป็นสำนักสงฆ์อยู่ได้ประมาณ 20 ปี ก็ร้างไป ต่อมาในปี พ.ศ.2464 ได้มีนายศุกร์-นางเรียง ช้างสีนวล ได้สร้างอาคารเสนาสนะขึ้นใหม่ และนิมนต์พระปูมาเป็นเจ้าอาวาส
ต.ท่าทราย อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร ในเอกสารประวัติวัดจังหวัดสมุทรสาคร ระบุว่าสร้างเมื่อ พ.ศ.2430 อาคารเสนาสนะ ส่วนใหญ่มีการปรับปรุงซ่อมแซมเป็นอาคารสมัยใหม่ ยังคงเหลือศาลาการเปรียญหลังเก่าและกุฏิสงฆ์ ศาลาการเปรียญ
ต.โคกขาม อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร ตั้งเมื่อ พ.ศ.2222 สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย มีหลักฐานสำคัญประกอบด้วย พระอุโบสถสมัยอยุธยาตอนปลาย พระเจดีย์ และหลวงพ่อสัมฤทธิ์ เป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธศิลป์คล้ายกับพระพุทธสิหิงค์ ที่ฐานมีจารึกระบุปีศักราช 2232
ต.มหาชัย อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร วัดเจษฎารามเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี เดิมเคยเป็นพื้นที่วัดร้างมาก่อน โดยมีเนินดินอยู่ทางด้านทิศตะวันออกเป็นที่ตั้งของอุโบสถเก่า ปัจจุบันได้ปรับพื้นเป็นที่ราบไปหมดแล้ว จนกระทั่งได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ในปี 2401